รีวิว vivo Y27 | Y27 5G

รีวิว vivo Y27 | Y27 5G คู่หู Y Series อัปเกรดใหม่ บนดีไซน์ Dual Ring สวยบางเบา พร้อมกล้อง 50MP จอใหญ่ไม่กลัวแดด และแบตอึดชาร์จไว ในราคาเริ่มเพียง 5,999 บาท

ต้องยอมรับว่าในยุคนี้มือถือรุ่นเริ่มต้นราคาเบา ๆ แค่หลักพันบาท ต่างก็มีความสามารถที่ตอบโจทย์การใช้งานพื้นฐานได้อย่างครบวงจร ซึ่งหนึ่งในซีรีส์ที่ได้รับความนิยมจากบรรดาผู้ใช้สมาร์ตโฟนเสมอมาก็คือ Y Series จากแบรนด์ชั้นนำอย่าง vivo และล่าสุดก็ถึงคิวของคู่หูน้องใหม่ของตระกูลอย่าง vivo Y27 และ vivo Y27 5G ที่ได้รับการอัปเกรดใหม่ทั้งดีไซน์ และฟีเจอร์ เพื่อให้มีความลงตัวน่าใช้มากยิ่งขึ้น โดยในวันนี้ทั้งคู่ก็ได้มาอยู่ในมือของทีมงาน Thaimobilecenter เรียบร้อยแล้ว

สำหรับ vivo Y27 และ vivo Y27 5G นั้นมีคุณสมบัติโดยรวมที่คล้ายกัน เรียกว่าเป็นพี่น้องฝาแฝดกันเลยก็ว่าได้ โดยทั้งคู่จะมีหน้าจอแบบ Sunlight Display ขนาด 6.64 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ ที่สู้แสงแดดกลางแจ้งได้ดีด้วยความสว่างสูงสุดที่ 600 nits, หน่วยความจำ RAM ขนาด 6GB ที่สามารถขยาย Virtual RAM เพิ่มได้อีก 6GB ด้วยฟีเจอร์ Extended RAM 3.0 และหน่วยความจำ ROM ขนาด 128GB, ชุดกล้องหลังคู่ ที่ประกอบไปด้วยกล้องหลักความละเอียด 50MP กับกล้อง Bokeh ความละเอียด 2MP ที่ตอบโจทย์ด้านการถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้เป็นอย่างดี มีเอฟเฟกต์หลากหลายให้ใช้งาน โดยเฉพาะการเปลี่ยนรูปทรงดวงไฟโบเก้พื้นหลัง ซึ่งเป็นจุดขายของสมาร์ตโฟน vivo มาแต่ไหนแต่ไร ใครชอบถ่ายรูปแนวพอร์ตเทรตต้องถูกใจแน่นอน

 

ความแตกต่างหลัก ๆ ของ vivo Y27 และ vivo Y27 5G จะอยู่ที่ชิปเซ็ต, ระบบชาร์จแบตเตอรี่, การรองรับเครือข่าย 5G, ดีไซน์กล้องด้านหลัง และการรองรับการ์ดหน่วยความจำ เช่น vivo Y27 รุ่นเริ่มต้นนั้นจะใช้ชิปเซ็ต MediaTek Helio G85 ในขณะที่ vivo Y27 5G จะใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 6020 ซึ่งรุ่น 5G จะมีประสิทธิภาพการประมวลผลสูงกว่าเล็กน้อย

ด้านดีไซน์ แม้จะมีกรอบด้านข้างแบบแบน และมีชุดกล้องหลักเป็นแบบวงแหวนคู่ (Dual Ring) เหมือนกัน แต่ในด้านของ vivo V27 5G นั้นจะมีฐานกล้องพร้อมกรอบโลหะเพิ่มเข้ามา ซึ่งช่วยให้ดูเด่นสะดุดตามากขึ้น และใช้เป็นจุดสังเกตถึงความแตกต่างได้ รวมทั้งมีสีตัวเครื่องที่ต่างกันด้วย โดยตัวเครื่องของทั้งคู่ต่างก็มีคุณสมบัติของการทนน้ำ-ทนฝุ่นในระดับ IP54 จึงสามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจ

และนั่นก็เป็นความน่าสนใจในเบื้องต้นของ vivo Y27 กับ vivo Y27 5G ซึ่งมาถึงตรงนี้ทุกท่านก็คงอยากจะรู้รายละเอียดเพิ่มเติมกันแล้ว ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปติดตามรีวิว vivo Y27 และ vivo Y27 5G กันต่อได้เลยครับ


เปิดกล่อง vivo Y27 และ vivo Y27 5G พร้อมสำรวจอุปกรณ์ด้านใน

สำหรับในครั้งนี้ตัวเครื่องที่ทางทีมงานได้นำมารีวิวคือ vivo Y27 สีฟ้า Sea Blue และ vivo Y27 5G สีม่วง Satin Purple โดยอุปกรณ์ภายในกล่องของทั้งสองรุ่นจะมีเหมือนกัน ซึ่งประกอบไปด้วย

– ตัวเครื่อง vivo Y27 / Y27 5G
– ฟิล์มกันรอย (ติดตั้งมาให้จากโรงงาน)
– เข็มถอดถาดซิมการ์ด
– คู่มือการใช้งาน
– ใบรับประกัน
– เคสกันกระแทกแบบใส
– สาย USB-C

เมื่อแกะกล่องออกมาแล้วเราจะพบว่า vivo Y27 ทั้งรุ่นเริ่มต้นและรุ่น 5G มีดีไซน์ที่คล้ายกัน แต่จะแตกต่างกันตรงที่กล้องหลัง ซึ่งทั้งสองรุ่นจะเป็นดีไซน์แบบ Dual Ring ที่เรียงตัวในแนวตั้ง โดยรุ่นเริ่มต้นจะมีวงแหวนรอบเลนส์เป็นสีทองแต่ไม่มีฐาน ส่วนรุ่น 5G จะมีวงแหวนรอบเลนส์สีเดียวกันกับตัวเครื่อง และมีฐานที่ตกแต่งด้วยกรอบโลหะ ส่วนบอดี้ภายนอกจะเป็นวัสดุพลาสติก 2.5D

นอกจากนี้เอฟเฟกต์การสะท้อนแสงของฝาหลังยังไม่เหมือนกันด้วย โดย vivo Y27 สีฟ้า Sea Blue จะมีรูปแบบการสะท้อนแสงคล้ายกับทะเลที่สะท้อนแสงแดด ส่วน vivo Y27 5G สีม่วง Satin Purple จะเน้นการไล่เฉดสีที่นุ่มนวลแทนการใช้แพทเทิร์นสะท้อนแสง

สำหรับหน้าจอของ vivo Y27 และ Y27 5G จะเป็นจอ LCD ขนาด 6.64 นิ้ว ที่เรียกว่า Sunlight Display ซึ่งสามารถเร่งความสว่างได้สูงสุด 600 nits ช่วยให้สู้แสงแดดกลางแจ้งได้ดีขึ้น แต่จะมีอัตราการรีเฟรชแค่ 60Hz เท่านั้น

ตัวเครื่อง vivo Y27 รุ่นเริ่มต้น และรุ่น 5G มีความบางเฉียบเพียง 8.07 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 190 กรัมเท่ากัน ซึ่งถือว่าบาง และเบาพอสมควรสำหรับสมาร์ตโฟนในเรตราคานี้

การจัดวางปุ่ม และโมดูลต่าง ๆ รอบตัวเครื่องจะเหมือนกันทั้งสองรุ่น โดยปุ่มปรับระดับเสียง กับปุ่มเพาเวอร์จะอยู่ที่ด้านขวา ซึ่งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือก็จะอยู่บนปุ่มเพาเวอร์นั่นเอง, ถาดใส่ซิมการ์ดจะอยู่ด้านบน และพอร์ต USB-C กับพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร จะอยู่ด้านล่าง

อย่างไรก็ตาม ถาดใส่ซิมการ์ดของแต่ละรุ่นจะมีความแตกต่างกันอยู่ โดย vivo Y27 รุ่นเริ่มต้นจะเป็นถาดแบบ Triple-Slot ที่สามารถใส่ Nano SIM จำนวน 2 ซิมพร้อมกับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้พร้อมกัน ในขณะที่ vivo Y27 5G จะเป็นถาดแบบ Dual Slot ที่ใส่ได้เฉพาะ Nano SIM จำนวน 2 ซิม

 

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับการถ่ายภาพ และวิดีโอ

 

ชุดกล้องคู่ที่ด้านหลังของทั้ง vivo Y27 กับ vivo Y27 5G นั้นจะใช้ฮาร์ดแวร์ชุดเดียวกัน ซึ่งประกอบไปด้วย

– กล้อง Wide (Main) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f1.8 และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF
– กล้อง Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4

ส่วนโหมดการถ่ายภาพต่าง ๆ จะไม่ต่างกันมาก โดยมีจุดเด่นอยู่ที่โหมดถ่ายภาพบุคคล หรือพอร์ตเทรต และมีลูกเล่นที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น

 

Portrait Light Effect

ในโหมดนี้จะเป็นการจำลองแสงในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงเอฟเฟกต์ดูดสีฉากหลัง ช่วยเพิ่มความแปลกใหม่ให้กับการถ่ายภาพพอร์ตเทรต

Bokeh Flare Portrait

เอฟเฟกต์ดวงไฟโบเก้ในฉากหลังให้มีรูปทรงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหัวใจ, ดาว, ผีเสื้อ หรือดอกซากุระ นับว่าเป็นจุดเด่นของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้เลยก็ว่าได้

Multi-Style Portrait

นอกจากเอฟเฟกต์แสงและไฟโบเก้แล้ว ยังปรับเปลี่ยนสไตล์ของรูปถ่ายให้มีอารมณ์แตกต่างกันไปอีกด้วย โดยโหมดนี้จะเป็นคนละส่วนกับฟิลเตอร์

Aura Screen Light

เพิ่มความสว่างให้กับใบหน้าเวลาเซลฟี่ด้วยแฟลชบนหน้าจอ Aura Screen Light ซึ่งช่วยให้เราเซลฟี่ได้สวยทุกที่แม้มีแสงน้อย

ส่วนโหมดอื่น ๆ จะเป็นโหมดการถ่ายภาพทั่วไป เช่น โหมดกลางคืน, โหมดโปร, โหมดพาโนรามา หรือโหมดความละเอียด 50MP เป็นต้น

อย่างไรก็ดี vivo Y27 รุ่นเริ่มต้นกับ vivo Y27 5G จะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ดังนี้

– การถ่ายวิดีโอของ vivo Y27 จะรองรับความละเอียดสูงสุดระดับ 1080P ที่ 30fps ในขณะที่ vivo Y27 5G จะรองรับความละเอียดสูงสุดระดับ 1080P ที่ 60fps
– vivo Y27 5G จะมีโหมดการรับแสงสองเท่า และมุมมองคู่
– vivo Y27 มีเอฟเฟกต์โบเก้ให้เลือกเยอะกว่า โดยมีการเพิ่มรูปแบบกลม, สามเหลี่ยม และห้าเหลี่ยมเพิ่มเข้ามา
– vivo Y27 5G จะมีเอฟเฟกต์โบเก้แบบซากุระ ซึ่งรุ่นเริ่มต้นไม่มี อย่างไรก็ดีคาดว่าอาจเป็นเพราะเวอร์ชันของซอฟต์แวร์ และอาจมีการอัปเดตให้เหมือนกันในภายหลัง


ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ vivo Y27 และ vivo Y27 5G

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดพอร์ตเทรต

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดอัตโนมัติ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดกลางคืน

ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่จากกล้องหน้า

 

ซอฟต์แวร์ และฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ

vivo Y27 ทั้งสองรุ่นทำงานบนระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 13 ที่พัฒนาอยู่บนพื้นฐานของ Android 13 ทั้งคู่ แต่จะใช้ชิปเซ็ตประมวลผลคนละรุ่น โดย vivo Y27 จะเป็น MediaTek Helio G85 ส่วน vivo Y27 5G จะประมวลผลด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 6020

UI มีดีไซน์ที่ดูเรียบง่ายตามสไตล์ของ vivo ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับแต่งได้หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นฟอนต์, ขนาดตัวอักษร, ภาพพื้นหลัง, ธีม, วิดเจ็ต และคุณลักษณะปลีกย่อยอื่น ๆ อย่างโหมดถนอมสายตา, โหมดมืด และแอปจัดการทรัพยากรระบบ เป็นต้น

ในส่วนของระบบทัชสกรีน ทั้งสองรุ่นมีการตอบสนองที่รวดเร็วแม่นยำในระดับน่าพอใจ ถึงแม้ว่าทั้งสองรุ่นจะมีอัตราการรีเฟรชหน้าจอสูงสุดที่ 60Hz ซึ่งเป็นค่ามาตรฐาน แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประสบการณ์การใช้งานเท่าไรนัก

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือการโคลนแอป ซึ่งจะทำให้ใช้งานโซเชียลมีเดีย 2 บัญชีในเครื่องเดียวได้ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแยกบัญชีทำงานกับบัญชีส่วนตัวออกจากกันโดยไม่ต้องพกมือถือ 2 เครื่อง และในเวอร์ชันนี้ยังโคลนแอปชอปปิงอย่าง Shopee กับ LAZADA ได้ด้วย

 

และสามารถตรวจสอบดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ได้จากแอปสภาพอากาศที่ติดมากับระบบ ซึ่งอัปเดตตัวเลขแบบ Realtime เช็กฝุ่น PM 2.5 ประจำวันได้ง่าย ๆ ไม่ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มเติมเลยครับ

สำหรับผลลัพธ์ที่ได้จากแอปพลิเคชันทดสอบประสิทธิภาพ (Benchmark) จะเป็นดังนี้

 

ผลทดสอบของ vivo Y27

ทดสอบด้วย Geekbench 6 ได้คะแนน Single-Core ที่ 440 คะแนน และได้คะแนน Multi-Core ที่ 1356 คะแนน

ทดสอบด้วย AnTuTu Benchmark ได้คะแนนรวมที่ 265,675 คะแนน

ผลทดสอบของ vivo Y27 5G

ทดสอบด้วย Geekbench 6 ได้คะแนน Single-Core ที่ 732 คะแนน และได้คะแนน Multi-Core ที่ 1846 คะแนน

ทดสอบด้วย AnTuTu Benchmark ได้คะแนนรวมที่ 426,322 คะแนน

 

ประสิทธิภาพสำหรับการใช้งานจริง และการเล่นเกม

ในเรื่องของพลังการประมวลผล vivo Y27 ใช้ชิปเซ็ต Helio G85 ส่วน vivo Y27 5G จะใช้ชิปเซ็ต Dimensity 6020 ซึ่งรุ่น 5G จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าพอสมควร อีกทั้งยังประหยัดพลังงานกว่าเพราะเป็นชิปเซ็ตที่ค่อนข้างใหม่ ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2566 ในขณะที่ Helio G85 นั้นเปิดตัวมากว่า 2 ปีแล้ว อย่างไรก็ดี จากการทดลองใช้งานหลาย ๆ แบบ พบว่าในการใช้งานทั่วไปประสิทธิภาพของทั้งสองรุ่นไม่ได้แตกต่างกันมากนัก สามารถใช้งานได้ลื่นไหลทั้งคู่ แต่จะเริ่มเห็นผลตอนที่เล่นเกม ซึ่งเราจะพูดถึงส่วนนี้ในช่วงต่อไป

ส่วนหน่วยความจำ RAM นั้นมีมาให้ที่ขนาด 6GB ทั้งคู่ รวมทั้งสามารถขยาย Virtual RAM เพิ่มได้อีกสูงสุด 6GB ด้วยฟีเจอร์ Extended RAM 3.0 ซึ่งช่วยให้การทำงานราบรื่นมากยิ่งขึ้น และหน่วยความจำ ROM ทั้งคู่ใส่มาให้ที่ 128GB ซึ่งถือว่าพอต่อการใช้งานในปัจจุบัน หากไม่ใช่คนที่ถ่ายรูปเยอะ หรือโหลดเกมหลาย ๆ เกมก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ถ้าไม่พอจริง ๆ สำหรับ vivo Y27 รุ่นเริ่มต้นก็สามารถเพิ่มหน่วยความจำด้วยการ์ดแบบ microSD ได้อีกสูงสุด 1TB ครับ

สำหรับระบบเสียงของ vivo Y27 และ Y27 5G จะเป็นแบบ Mono ซึ่งเสียงจะออกที่ช่องลำโพงด้านล่างแค่ทางเดียว และไม่มีฟีเจอร์ Ultra Volume ในการเร่งเสียงแบบ 200% ทำให้เสียงที่ออกมาจากลำโพงอาจจะเบาไปสักหน่อยครับ

ในการเล่นเกม อย่างที่บอกไปแล้วว่าชิปเซ็ต Helio G85 ของ vivo Y27 รุ่นเริ่มต้น จะมีประสิทธิภาพต่างจากชิปเซ็ต Dimensity 6020 ของรุ่น 5G พอสมควร ทำให้อาจจะโหลดเข้าฉากนานกว่า และดัน fps ได้น้อยกว่ารุ่น 5G แต่ก็ไม่ใช่ปัญหามากมายอะไร ทั้งสองรุ่นสามารถเล่นเกมทั่วไปในปัจจุบันได้หมด เพียงแต่อาจจะปรับกราฟิกสูง ๆ ในบางเกมไม่ได้เท่านั้น นอกจากนี้ทั้งสองรุ่นยังควบคุมความร้อนขณะเล่นได้ดีด้วย นับว่าเป็นสมาร์ตโฟนอีกรุ่นหนึ่งที่เหมาะกับการเล่นเกมสนุก ๆ แบบไม่จริงจังมากนักครับ

 

ราคา, โปรโมชัน และการวางจำหน่าย

สำหรับท่านที่สนใจจับจองเป็นเจ้าของ วันนี้ (3 สิงหาคม 2566) ทาง vivo (ประเทศไทย) ก็ได้ประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยของทั้ง 2 รุ่นออกมาแล้ว โดย vivo Y27 มีราคาอยู่ที่ 5,999 บาท และ vivo Y27 5G มีราคาอยู่ที่ 6,999 บาท วางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ vivo Brand Shop ทุกสาขา, ช่องทางออนไลน์ที่ vivo Official Store, ช่องทางของผู้ให้บริการเครือข่ายเฉพาะที่ AIS รวมทั้งตัวแทนจำหน่ายชั้นนำทั่วประเทศที่ BaNANA, IT CITY, CSC, Jaymart, TG FONE, KINGKONG, BKK, Big C, Advice, STAMP, MAXLINK, Powerbuy, Lotus, แม่วังสื่อสาร และ Power Mall

 

สรุปประสบการณ์หลังใช้งาน vivo Y27 และ vivo Y27 5G

หลังจากที่มีโอกาสได้ลองใช้งานมาสักพัก ก็พอจะบอกได้ว่าทั้ง vivo Y27 กับ vivo Y27 5G ต่างก็ให้ความรู้สึกในการใช้งานโดยรวมที่คล้ายคลึงกัน ทั้งในแง่ของดีไซน์, การจับถือ, การถ่ายภาพ และฟีเจอร์ต่าง ๆ ด้วยการที่กำเนิดมาจาก DNA เดียวกัน แต่ก็มีความแตกต่างอยู่ในบางจุดเช่นกันครับ

ในส่วนของดีไซน์ภายนอก ทั้ง vivo Y27 และ vivo Y27 5G ดูผิวเผินอาจเหมือนกันมาก ทั้งเฟรมรอบตัวเครื่องที่เป็นสันแบน, กล้องหลังแบบ Dual Ring ไปจนถึงความบาง, น้ำหนัก และการทนน้ำ-ทนฝุ่นในระดับ IP54 แต่ก็พอจะแยกความแตกต่างได้ด้วยฐานกล้อง และสีตัวเครื่อง

หน้าจอแสดงผลของทั้งคู่เป็นหน้าจอ LCD ขนาด 6.64 นิ้ว ที่เรียกว่า Sunlight Display ซึ่งสามารถเร่งความสว่างได้สูงสุด 600 nits จึงช่วยให้สู้แสงแดดกลางแจ้งได้ดีขึ้นพอสมควร เว้นแต่ว่าจะเจอแดดแรงจริง ๆ ขณะเดียวกัน หน้าจอ 6.64 นิ้ว ถือว่าเป็นขนาดที่ใหญ่กำลังดี เหมาะทั้งการใช้งานทั่วไป และการดูคอนเทนต์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง หรือเล่นเกม

 

ด้านประสิทธิภาพการใช้งาน ทั้งสองรุ่นจะมีชิปเซ็ตที่ต่างกัน โดย vivo Y27 รุ่นเริ่มต้นจะใช้ชิปเซ็ต MediaTek Helio G85 ส่วน vivo Y27 5G จะเป็น MediaTek Dimensity 6020 ซึ่งชิปเซ็ตของรุ่น 5G จะมีประสิทธิภาพการประมวลผลสูงกว่า และประหยัดพลังงานกว่าในระดับหนึ่ง แต่ถ้าเป็นการใช้งานทั่วไปอย่างการเล่นโซเชียล, ดูหนัง และแอปทั่ว ๆ ไป จะแทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง แต่จะเริ่มรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างการใช้งานหนัก ๆ อย่างการเล่นเกม ซึ่ง vivo Y27 5G จะโหลดเข้าฉากไวกว่า และลื่นกว่าเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม vivo Y27 ทั้งสองรุ่นไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเน้นการเล่นเกมอยู่แล้วนั่นเอง และหาก RAM ขนาด 6GB ไม่พอจริง ๆ ก็สามารถอาศัยฟีเจอร์ Extended RAM 3.0 ,kช่วยขยาย Virtual RAM เพิ่มได้อีก 6GB ซึ่งก็จะช่วยให้การทำงานโดยรวมราบรื่นขึ้นได้

ส่วนเรื่องแบตเตอรี่นั้น vivo Y27 ทั้งสองรุ่นจะมีความจุแบตเตอรี่เท่ากันคือ 5000 mAh จึงสามารถใช้งานได้ทั้งวันสบาย ๆ โดยไม่ต้องชาร์จ

สำหรับการถ่ายภาพ จุดเด่นของทั้งสองรุ่นคือการถ่ายภาพแนวพอร์ตเทรต ซึ่งคุณภาพของรูปถ่ายที่ได้มีความสวยงามใกล้เคียงกัน สามารถเลือกปรับเอฟเฟกต์ของดวงไฟโบเก้ได้หลายแบบ และใช้งานง่าย โดยมีโหมดการใช้งานต่าง ๆ ครบครัน แต่ทั้งนี้ vivo Y27 5G จะทำได้ดีกว่าเล็กน้อยเมื่อถ่ายในที่มืด โดยเฉพาะในโหมดกลางคืน ภาพที่ถ่ายด้วย vivo Y27 5G จะสว่างกว่า อย่างไรก็ดีโหมดกลางคืนของทั้งคู่ยังไม่ค่อยคมชัดเท่าไหร่ เรียกได้ว่าอยู่ในเกณฑ์พอใช้ และก็น่าเสียดายเล็กน้อยที่ไม่มีกล้อง Ultra Wide ให้เลือกใช้

นอกจากนี้ แฟลชหน้าจอ Aura Screen Light สำหรับกล้องหน้าก็เป็นจุดเด่น อีกอย่างหนึ่งของ vivo Y27 ทั้งสองรุ่นเช่นกัน เพราะแฟลชแบบนี้จะให้แสงที่นุ่มนวลกว่าแฟลชปกติ ช่วยให้การถ่ายเซลฟี่ในที่มืดดูดีขึ้น

 

โดยสรุปแล้ว vivo Y27 รุ่นเริ่มต้น แม้จะไม่สามารถใช้งาน 5G ได้ แต่คุณสมบัติโดยรวมก็ถือว่าครบเครื่อง ประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมสูงพอที่จะตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งการเล่นเกม แถมยังได้ชาร์จไว 44W FlashCharge อีกด้วย หากเป็นคนที่ไม่ได้ใช้เน็ต 5G อยู่แล้ว vivo Y27 รุ่นเริ่มต้นก็เป็นตัวเลือกที่ดีครับ

ส่วนจุดเด่นของ vivo Y27 5G จริง ๆ คือการเป็นสมาร์ตโฟน 5G ซึ่งมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายมาก นั่นคือเพียงแค่ 6,999 บาท ก็สามารถสัมผัสความเร็วระดับ 5G ได้แล้ว แถมยังมีคุณสมบัติด้านในที่ดีอีกด้วย จุดที่ต้องพิจารณามีเพียงอย่างเดียวคือไม่มีระบบชาร์จไวให้ใช้งาน แต่หากเป็นคนที่ชอบชาร์จมือถือทิ้งไว้ในเวลากลางคืนก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ

สรุปแล้วใครที่ชอบสมาร์ตโฟนดีไซน์สวย ๆ จับถือแล้วเด่นสะดุดตา พร้อมฟีเจอร์สดใหม่ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปในยุคนี้ได้ครบถ้วน ในราคาสบายกระเป๋า ทั้ง 2 รุ่นนี้ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้ใครในระดับราคานี้ สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม พบกันได้ใหม่ในรีวิวรุ่นต่อไป สวัสดีครับ

 

สรุปคุณสมบัติเด่นของ vivo Y27

 

จอแสดงผลแบบ Sunlight Display (IPS LCD : Waterdrop) ขนาด 6.64 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2388×1080 พิกเซล : 395 PPI)
– อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 60Hz
– ความสว่างสูงสุด 600 nits
– อัตราส่วนหน้าจอแสดงผลต่อตัวเครื่อง 85.4%

——————————–

– ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต MediaTek Helio G85
– หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G52 MC2
– หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6 GB
– ฟีเจอร์ Extended RAM 3.0 สำหรับช่วยเพิ่มขนาดหน่วยความจำ RAM เสมือน (Virtual RAM) ได้สูงสุด 6 GB
– หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) ขนาด 128 GB
– รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้สูงสุดที่ขนาด 1 TB
– แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh พร้อมระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 44W (ชาร์จแบตเตอรี่ได้ 29% ภายในเวลา 15 นาที)
– ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 พร้อมครอบทับด้วย Funtouch OS 13

——————————–

กล้องตัวหลักด้านหลัง 2 ตัว (Dual Camera) ประกอบด้วย

– กล้อง Wide (Main) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f1.8 และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF
– กล้อง Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4

รวมทั้งมีฟีเจอร์ Night Portrait, AI Face Beauty, Bokeh Flare Portrait, รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 1080P FHD (30 fps) และโหมด Dual-View Video

กล้องด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล

พร้อมรูรับแสงขนาด f2.0 และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 1080P FHD (30 fps)

——————————–

– เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 5, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
– รองรับการใช้งานระบบซิมคู่ (Dual SIM : Nano SIM + Nano SIM)
– เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.1
– ระบุตำแหน่ง และนำทางผ่านระบบดาวเทียม GPS+A-GPS, Glonass, BeiDou, Galileo และ QZSS
– พอร์ต USB Type-C
– พอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

——————————–

– ดีไซน์ขอบด้านข้างแบบเรียบ พร้อมกล้องหลังแบบวงแหวนคู่ (Dual Ring)
– พื้นผิวตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการป้องกันรอยขีดข่วน
– ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการทนน้ำ-ทนฝุ่นในระดับ IP54
– เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง (Side Mounted Fingerprint Sensor) พร้อมระบบสแกนใบหน้า (Face Unlock)
– ฟีเจอร์ Interface Preserver, Screen Pinning, Ultra Game Mode และ iManager
– ราคา 5,999 บาท

สรุปคุณสมบัติโดยละเอียด (สเปก) และราคา ของ vivo Y27

 

สรุปคุณสมบัติเด่นของ vivo Y27 5G

 

จอแสดงผลแบบ Sunlight Display (IPS LCD : Waterdrop) ขนาด 6.64 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2388×1080 พิกเซล : 395 PPI)
– อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 60Hz
– ความสว่างสูงสุด 600 nits
– อัตราส่วนหน้าจอแสดงผลต่อตัวเครื่อง 85.4%

——————————–

– ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 6020
– หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G57 MC2
– หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6 GB
– ฟีเจอร์ Extended RAM 3.0 สำหรับช่วยเพิ่มขนาดหน่วยความจำ RAM เสมือน (Virtual RAM) ได้สูงสุด 6 GB
– หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) ขนาด 128 GB
– แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh
– ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 พร้อมครอบทับด้วย Funtouch OS 13

——————————–

กล้องตัวหลักด้านหลัง 2 ตัว (Dual Camera) ประกอบด้วย

– กล้อง Wide (Main) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f1.8 และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF
– กล้อง Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4

รวมทั้งมีฟีเจอร์ Night Portrait, AI Face Beauty, Bokeh Flare Portrait, รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 1080P FHD (30 fps) และโหมด Dual-View Video

กล้องด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล

พร้อมรูรับแสงขนาด f2.0 และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 1080P FHD (30 fps)

——————————–

– เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 5, 5G SA/NSA, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
– รองรับการใช้งานระบบซิมคู่ (Dual SIM : Nano SIM + Nano SIM)
– เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.1
– ระบุตำแหน่ง และนำทางผ่านระบบดาวเทียม GPS+A-GPS, Glonass, BeiDou, Galileo และ QZSS
– พอร์ต USB Type-C
– พอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

——————————–

– ดีไซน์ขอบด้านข้างแบบเรียบ พร้อมกล้องหลังแบบ Dual Ring และฐานเลนส์ที่ตกแต่งด้วยกรอบโลหะ
– พื้นผิวตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการป้องกันรอยขีดข่วน
– ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการทนน้ำ-ทนฝุ่นในระดับ IP54
– เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง (Side Mounted Fingerprint Sensor) พร้อมระบบสแกนใบหน้า (Face Unlock)
– ฟีเจอร์ Interface Preserver, Screen Pinning, Ultra Game Mode และ iManager
– ราคา 6,999 บาท

สรุปคุณสมบัติโดยละเอียด (สเปก) และราคา ของ vivo Y27 5G

 

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติม

– ไม่มีกล้อง Ultra Wide จึงไม่สามารถเก็บภาพในมุมที่กว้างมาก ๆ ได้
– รองรับการใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD เฉพาะ vivo Y27 รุ่นเริ่มต้น
– ลำโพงเสียงเป็นแบบเดี่ยว


โปรดทราบ

* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางผู้ผลิต เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริง รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจถูกแก้ไขให้ดีขึ้นแล้วในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบ หรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่งเพื่อความมั่นใจ *

วันที่ : 03/08/2023