รีวิว TCL NXTPAPER 11 แท็บเล็ตจอ 2K สีสมจริงบนสัมผัสกระดาษ พร้อมปากกา T-Pen ตรวจจับแรงกด 4096 ระดับ, ลำโพง 4 ตัว และเมม 128GB บนบอดี้อะลูมิเนียมบางเฉียบ ในราคาแค่หลักพัน
 

ในช่วงหลัง ๆ มานี้ จริงอยู่ว่าแท็บเล็ตราคาหลักพัน หรือไม่เกินหมื่น ถือว่ามีตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย แต่การจะหารุ่นที่มีจุดขายโดดเด่นไม่เหมือนใครในช่วงราคาใกล้ ๆ กันนี้ก็นับว่าหาได้ยาก ซึ่งในวันนี้ เราก็ได้เลือกเอาหนึ่งในรุ่นที่เข้าตากรรมการมาแนะนำ และรีวิวให้ชมกัน นั่นก็คือ TCL NXTPAPER 11

 

สำหรับ TCL NXTPAPER 11 รุ่นนี้ถือว่ามีจุดขายที่ชัดเจน ด้วยการชูโรงในเรื่องของหน้าจอขนาดใหญ่ 10.95 นิ้ว ที่มีเนื้อสัมผัสแบบกระดาษ บนเทคโนโลยีสำคัญที่อยู่เบื้องหลังอย่าง NXTPAPER 2.0 และ NXTVISION ซึ่งตอบโจทย์ทั้งเรื่องการถนอมสายตา และเรื่องของสีสันได้ในจอเดียวกัน ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจที่แท็บเล็ตรุ่นนี้มีดีที่หน้าจอเป็นพิเศษ นั่นก็เพราะ TCL เป็นผู้ผลิต TV รายใหญ่ของโลก และได้นำนวัตกรรมหน้าจอของตัวเองมาใช้ในผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่นสมาร์ตโฟน TCL Stylus 5G ที่เราเพิ่งรีวิวให้ชมกันไปก่อนหน้านี้ รวมทั้งแท็บเล็ต TCL NXTPAPER 11 รุ่นนี้ด้วยนั่นเอง

 

เรื่องรูปลักษณ์ภายนอกก็นับว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว การันตีรางวัลด้านดีไซน์จาก iF Design Awards 2023 ด้วยบอดี้อะลูมิเนียมที่แข็งแกร่งทนทาน ที่มาพร้อมกับความบางเฉียบน่าพกพา จนแรกเห็นก็สัมผัสได้ถึงความเรียบหรูดูดี

จุดขายต่อมาก็คือสามารถรองรับการใช้งานร่วมกับปากกา T-Pen Stylus ที่ตรวจจับแรงกดได้ถึง 4096 ระดับ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการทำงานด้วยการขีดเขียนทั่วไป ตลอดจนการวาดรูปที่ต้องอาศัยการลงน้ำหนักมือที่แม่นยำ ปากกา T-Pen นี้ก็สามารถรองรับได้เป็นอย่างดี ซึ่งเมื่อใช้ปากกาเขียนลงบนหน้าจอนี้ ก็จะให้ความรู้สึกราวกับเขียนอยู่บนกระดาษเลยทีเดียว

 

อีกหนึ่งจุดขายสำคัญก็คือการมาพร้อมกับลำโพงเสียงรอบทิศทางถึง 4 ตัว ดังนั้น TCL NXTPAPER 11 เครื่องนี้จึงสามารถตอบโจทย์เรื่องความบันเทิงได้ดีเช่นเดียวกัน เรียกว่าหลังจากทำงานเหนื่อย ๆ ก็สลับมาเป็นโหมดผ่อนคลายได้

สำหรับคุณสมบัติอื่น ๆ ก็นับว่าจัดมาให้ครบ ๆ สมราคา ไม่แพ้แท็บเล็ตรุ่นอื่น ๆ ในระดับราคาเดียวกัน ทั้งหน่วยความจำ ROM ขนาด 128GB, หน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB, ชิปเซ็ต MediaTek Helio P60T, แบตเตอรี่ความจุ 8000 mAh, กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมระบบโฟกัสอัตโนมัติ และกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล

 

ที่สำคัญเรื่องความคุ้มค่าก็ไม่ธรรมดา เพราะด้วยราคาเพียงแค่หลักพัน กับแท็บเล็ตที่มีคุณสมบัติระดับนี้ก็นับว่าคุ้มแล้ว แต่ทาง TCL ยังใจดีอีกต่อ ด้วยการแถม Flip Case กับปากกา T-Pen มาให้พร้อมใช้งานอีกต่างหาก เรียกว่าช่วยให้ TCL NXTPAPER 11 เครื่องนี้น่าจับจองเป็นเจ้าของยิ่งขึ้นไปอีก (อัปเดตล่าสุด 7 สิงหาคม 2566 ทาง TCL ได้ประกาศราคาในประเทศไทยออกมาแล้วที่ 7,990 บาท) ส่วนรายละเอียดทั้งหมดจะเป็นอย่างไร และพอได้ใช้งานจริง ๆ แล้วจะสร้างความประทับใจให้กับทีมงาน Thaimobilecenter ได้ขนาดไหน ไปติดตามกันต่อได้เลยครับ

 

เปิดกล่อง พร้อมสำรวจอุปกรณ์ด้านใน

และแล้ว TCL NXTPAPER 11 กับปากกา TCL T-Pen เซ็ตใหม่แบบยังไม่แกะซีลก็มาอยู่กับเราเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเราจะมาเปิดให้ดูกันว่าด้านในมีอะไรใส่มาให้บ้าง โดยดีไซน์ภายนอกของกล่องนั้นเน้นพื้นสีขาวเป็นหลัก พร้อมตัดด้วยสีดำ กับสีแดง

 

นอกจากนี้ที่ด้านหน้าก็ยังมีการประทับตรารางวัลด้านดีไซน์จาก iF Design Award กับคุณสมบัติเด่น ส่วนที่ด้านหลังก็มีการประทับตราใบรับรองมาตรฐาน Low Blue Light (Hardware Solution) จากสถาบัน TÜV Rheinland เอาไว้ โดยเครื่องที่เราได้รับมานี้เป็นสี Dark Grey รุ่น RAM 4GB+ROM 128GB ซึ่งเป็นสีเดียว และรุ่นเดียวที่มีวางจำหน่ายในบ้านเรา

 

เมื่อเปิดกล่องออกมาก็จะพบกับตัวเครื่อง TCL NXTPAPER 11 พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานต่าง ๆ ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Flip Case สีน้ำเงินเข้ม, อะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่แบบ 18W (9V/2A), สาย USB Type-C, เข็มถอดถาดซิมการ์ด, คู่มือการใช้งานแบบด่วน และสมุดรับประกัน

 

นอกจากนี้ในช่วงโปรโมชัน ก็ยังมีโปรโมชันสุดคุ้ม นั่นคือการแถมปากกา T-Pen Stylus มูลค่า 1,490 บาทให้ใช้งานกันแบบฟรี ๆ เรียกว่าด้วยราคาเพียงเท่านี้หลายคนคงตัดสินใจซื้อได้ไม่ยาก

 

ตัวเครื่องอะลูมิเนียมสวยบางเฉียบ แข็งแกร่งเรียบหรู คู่ได้กับทุกไลฟ์สไตล์

แรกจับตัวเครื่องก็นับว่าน่าประทับใจเลยทีเดียว ด้วยบอดี้ที่ผลิตจากอะลูมิเนียมซึ่งนอกจากจะแข็งแกร่งทนทานแล้ว ก็ยังให้ภาพลักษณ์ที่ดูดีมีความพรีเมียม นอกจากนี้กรอบด้านข้างก็เป็นแบบขอบแบนที่มีความบางเฉียบเพียง 6.9 มิลลิเมตร ส่วนน้ำหนักตัวก็อยู่ที่เพียง 462 กรัม ดังนั้นดีไซน์โดยรวมก็เรียกได้ว่าเรียบหรูพรีเมียมเกินราคา เหมาะกับการพกพา และเหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์

 

ด้าน Flip Case ที่แถมมาให้ในกล่องก็ผลิตจากวัสดุอย่างดี มีพื้นผิวที่นุ่มหนึบติดมือประมาณหนึ่งเพื่อการยึดเกาะที่ดี และเมื่อใส่กับตัวเครื่องแล้วก็ยังคงมีความบางเฉียบ พกพาแล้วดูดีมีราคา หรือจะพับเพื่อใช้เป็นขาตั้งขณะทำงานโดยไม่ต้องถือเครื่องก็ได้เช่นกัน

 

จอ 2K ผิวสัมผัสแบบกระดาษขนาดใหญ่ 10.95 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยี NXTPAPER และ NXTVISION

มาถึงจุดขายไฮไลท์ของ TCL NXTPAPER 11 รุ่นนี้ นั่นก็คือหน้าจอแสดงผลที่มีผิวสัมผัสแบบกระดาษ ซึ่งเมื่อลองสัมผัสดูจริง ๆ ก็อาจจะไม่ได้สากติดนิ้วเหมือนกระดาษผิวด้านเสียทีเดียว เพราะต้องคงความลื่นเอาไว้เพื่อการใช้งานจริงด้วย

 

แต่ที่แน่ ๆ คือแทบจะไม่เกิดรอยนิ้วมือ หรือรอยเปื้อนบนหน้าจอขณะใช้งานเลย ด้วยเทคโนโลยีการเคลือบผิวแบบ Nano Chemical บนกระจกแบบ Anti-Fingerprint Glass

 

รวมทั้งยังช่วยให้การเขียนด้วยปากกามีความลื่นไหลเพราะไม่มีคราบเปื้อนติดบนหน้าจอ และให้ความรู้สึกที่สมจริงคล้ายการเขียนบนกระดาษด้วย

 

โดยหน้าจอของ TCL NXTPAPER 11 นั้นมีขนาดที่ 10.95 นิ้ว นั่นก็คือประมาณ 11 นิ้วตามชื่อรุ่น กับความละเอียดในการแสดงผลที่ระดับ 2K (2000×1200 พิกเซล) บนอัตราส่วนแบบ 5:3 ซึ่งเหมาะทั้งใช้ทำงาน และความบันเทิง บนพาเนลแบบ NCVM IPS ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสำคัญอย่าง NXTPAPER 2.0 และ NXTVISION ซึ่งก็แน่นอนว่าคงไม่ใช่เทคโนโลยีธรรมดา เพราะพัฒนาโดยผู้ผลิต TV รายใหญ่ของโลกอย่าง TCL นั่นเอง และเมื่อเปิดจอขึ้นมาเป็นครั้งแรก ก็สัมผัสได้ทันทีถึงความสบายตา

 

สำหรับเทคโนโลยี NXTPAPER 2.0 นั้นถือเป็นตัวเอกของรุ่นนี้เลยทีเดียว ซึ่งเกิดจากการซ้อนทับกันหลายชั้นของแผ่นปกป้องสายตา (Multi-Layer Eye Protection) เพื่อให้ปลอดภัยสำหรับการอ่าน หรือการมองหน้าจอ รวมทั้งยังได้รับการรับรองจากสถาบัน TÜV Rheinland ในเรื่องการลดแสงสีฟ้า โดยที่ยังคงรักษาความสว่าง และสีดั้งเดิมเอาไว้ได้ ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันในระดับฮาร์ดแวร์ กับซอฟต์แวร์ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติของการลดแสงสะท้อนอีกด้วย (Anti-Glare) การันตีด้วยสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ถึง 17 ฉบับเลยทีเดียว

 

โดยเทคโนโลยี NXTPAPER 2.0 นี้ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากเทคโนโลยี NXTPAPER 1.0 และ NXTPAPER 1.5 ด้วยการเพิ่มความสามารถใหม่เข้ามา นั่นคืออัลกอริทึมการปรับแสงที่รองรับทั้งโหมดปะทะแสงแดด (Sunlight Screen) ที่มีความสว่างสูงสุดที่ระดับ 500 nits, การปรับอุณหภูมิสี (Color Temperature) และการปรับความเข้มข้นของสี (Color Saturation) ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เพื่อป้องกันอันตราย หรือความเมื่อยล้าที่อาจเกิดขึ้นกับดวงตาเมื่อต้องจ้องมองหน้าจอนาน ๆ นั่นเอง

 

ซึ่งความสว่างสูงสุดระดับ 500 nits นี้ถือว่าสว่างขึ้นกว่ารุ่นเดิมถึง 150% (NXTPAPER 10s) ดังนั้นแม้เราจะต้องใช้งานกลางแจ้ง หรือที่ที่มีแสงแดด จอก็ยังจะคงแสดงผลได้คมชัด, มีสีสันที่สดใส และมีคอนทราสต์ที่ชัดเจน

 

ส่วนการปรับอุณหภูมิสีก็มีประโยชน์สำหรับคนที่เปิดเครื่องใช้งานหลายสถานที่หลายเวลา เพราะจอจะปรับอุณหภูมิสีให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติตามสถานที่ และเวลา ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ใช้งานที่บ้านในตอนเช้า, การใช้งานกลางแจ้งในช่วงกลางวัน หรือการใช้งานในตอนกลางคืน

 

สำหรับใครที่ชอบอ่าน e-Book บนแท็บเล็ตก็นับว่าเหมาะเป็นอย่างยิ่ง เพราะเราสามารถเลือกได้ตามสไตล์ที่ชอบ ทั้งโหมดสีสันสดใส และโหมดสีเทาอ่อน ซึ่งต่างก็อ่านได้สบายตาทั้งคู่ และแท็บเล็ตสำหรับอ่าน e-Book ทั่วไปนั้นไม่สามารถแสดงคอนเทนต์ที่เป็นสีสันแบบนี้ได้ ดังนั้นจึงได้อรรถรสมากกว่าพอสมควร

 

หนึ่งในเทคนิคเบื้องหลังที่ช่วยให้เราไม่ปวดตา หรือปวดหัวเมื่อต้องจองมองหน้าจอนาน ๆ ก็คือการควบคุมความสว่างด้วยเทคนิค Direct Current Dimming ที่ไม่ก่อให้เกิดการกะพริบของหน้าจอ (Flicker-Free)

 

ในเรื่องของสีสันก็ได้เทคโนโลยี NXTVISION เข้ามาช่วย ด้วยอัลกอริทึมการปรับสีด้วย AI ซึ่งช่วยให้มีสีสันสดใส, การแสดงผลคมชัด และถนอมสายตาไปพร้อม ๆ กัน

 

โดยมี 3 โหมดหลัก ๆ ให้เลือกใช้งานตามสถานการณ์ ทั้งโหมดการอ่าน (Reading Mode) ที่จะปรับสีให้เป็นแบบขาว-ดำคล้ายกับการอ่านหนังสือ, โหมดถนอมสายตา (Eye Comfort Mode) ที่จะช่วยลดแสงสีฟ้าให้ปลอดภัยต่อดวงตา และโหมดมืด (Dard Mode) ที่จะปรับพื้นหลังให้เป็นโทนสีดำเพื่อการใช้งานในที่แสงน้อย

 

ขีดเขียนเป็นธรรมชาติด้วยปากกา T-Pen บนสัมผัสแบบกระดาษที่คุ้นเคย

นอกจากเทคโนโลยีหน้าจอล้ำ ๆ ที่ใส่มาแบบแน่น ๆ แล้ว จุดขายสำคัญอีกอย่างหนึ่งของ TCL NXTPAPER 11 ก็คือการใช้งานร่วมกับปากกา T-Pen Stylus นั่นเอง

 

โดยปากกา T-Pen นี้มีขนาด และมิติที่ใกล้เคียงกับปากกา หรือดินสอที่เราใช้งานกันจริง ๆ เลยทีเดียว ด้วยความยาวที่ 159.5 มิลลิเมตร, เส้นผ่านศูนย์กลางที่ 9.0 มิลลิเมตร กับน้ำหนักตัวที่ 14 กรัม

 

ส่วนหน้าของปากกามีปุ่มขึ้นลงเพื่อเรียกใช้ฟังก์ชันต่าง ๆ ตามที่เรากำหนดได้อย่างรวดเร็ว และใกล้ ๆ กันนั้นจะเป็นไฟ LED สำหรับแสดงสถานะการทำงาน เช่นสถานะของแบตเตอรี่ หากเป็นไฟสีแดงกะพริบ นั่นคือกำลังชาร์จ, หากเป็นไฟสีแดงติดนิ่งคือแบตเตอรี่อยู่ในระดับต่ำ, หากเป็นไฟสีเขียวติดนิ่งคือแบตเตอรี่เต็ม และหากเป็นไฟสีฟ้าติดนิ่งคือปากกามีแบตเตอรี่พร้อมใช้งาน

 

ที่ด้านท้ายของปากกาจะมีพอร์ต USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งเราสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0 ถึงเต็ม 100% ได้ภายในเวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมง และเมื่อแบตเตอรี่เต็ม ปากกาจะสามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานกว่า 100 ชั่วโมงเลยทีเดียว

 

หัวปากกาจะเป็นแบบกลมมน ซึ่งเราสามารถถอดเปลี่ยนได้ และในกล่องก็มีหัวปากกาสำรอง พร้อมที่คีบมาให้พร้อมเปลี่ยน

 

นอกจากนี้ก็ยังมีที่เก็บปากกาสำหรับติดกับเคสแถมมาให้ในกล่อง เพื่อความสะดวกในการพกพา และป้องกันการสูญหาย

 

ความสามารถเด่นของปากกา T-Pen ก็คือการตรวจจับแรงกดได้ 4096 ระดับ ดังนั้นเราจึงสามารถลงน้ำหนักมือแล้วขีดเขียนได้ตามที่ต้องการอย่างเป็นธรรมชาติสมจริงคล้ายกับปากกา หรือดินสอจริง ๆ เช่นหากเป็นปากกาเมจิก หากลงน้ำหนักมากก็จะเป็นเส้นหนา แต่หากลงน้ำหนักน้อยก็จะเป็นเส้นบาง ๆ อีกทั้งขณะที่หัวปากกาลากไปมาบนหน้าจอก็จะให้ความรู้สึกที่คล้ายกับกระดาษ แต่ก็มีความลื่นไหลไม่สะดุดเนื่องจากพื้นผิวของหน้าจอมีคุณสมบัติของการป้องกันรอยนิ้วมือ หรือคราบเปื้อนต่าง ๆ ด้วย

 

เมื่อนำปากกาไปแตะที่ไอคอนทรงกลมรูปปากกาก็จะปรากฎขึ้นเป็นแถบทางลัด (Shortcut Panel) สำหรับการเข้าถึงแอปพลิเคชัน หรือฟังก์ชันต่าง ๆ ที่มีประโยชน์มากมาย เช่น New Handwriting, Area Screenshot, Area Sreen Recorder, E-Signature, GIF Maker, Magnifying Window, Floating Wndow, Screenshot, Jnotes และอีกหลายอย่าง โดยเราสามารถเพิ่มทางลัดตรงนี้ได้สูงสุด 12 รายการ และปรับแต่งการจัดวางตำแหน่งได้ตามต้องการ ซึ่งรายละเอียดของแต่ละฟังก์ชันก็จะคล้ายกับสมาร์ตโฟน TCL Stylus 5G ที่เราเคยรีวิวให้ชมกันไปก่อนหน้านี้นั่นเอง

 

จดบันทึกอย่างโปรด้วยแอปพลิเคชัน Jnotes

ความคุ้มค่าอีกต่อนอกจากการที่มีปากกา T-Pen แถมมาให้แล้ว ก็คือมีแอปพลิเคชันจดบันทึกระดับมืออาชีพอย่าง Jnotes ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน พร้อมสิทธิพิเศษในการเป็นสมาชิกระดับ VIP (TCL Device Privileges) นาน 180 วัน ซึ่งทำให้เราสามารถใช้ฟีเจอร์ระดับ VIP ได้อย่างเต็มรูปแบบโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ

 

โดยแอปพลิเคชัน Jnotes นี้เกิดมาเพื่อการจดบันทึกอย่างแท้จริง ด้วยฟีเจอร์ หรือฟังก์ชันมากมายที่ใส่มาให้แบบเต็มที่ อีกทั้งยังใช้งานได้ง่าย สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการทำงาน หรือการเรียนได้เป็นอย่างดี

 

ลำโพง 4 ตัวรอบทิศทาง พร้อมเพิ่มความดังกระหึ่มด้วย Sound Booster

นอกจากจอแสดงผลขนาด 10.95 นิ้ว ของ TCL NXTPAPER 11 จะให้อรรถรสด้านภาพที่ดีเยี่ยมแล้ว ด้วยลำโพงเสียง 4 ตัวที่ติดตั้งมาให้ ก็สามารถมอบอรรถรสด้านเสียงที่ดีเยี่ยมได้ด้วยเช่นกัน ด้วยเสียงที่โอบล้อมรอบทิศทาง มีมิติเสียงที่ดี รายละเอียดชัดใสมาครบ เหมาะกับคอนเทนต์ทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์, เพลง หรือเกม เพียงแต่เสียงทุ้ม หรือเสียงเบสอาจจะไม่หนักแน่นมากนัก

 

และหากคิดว่าเสียงยังไม่ดังกระหึ่มมากพอ ก็ยังมีฟีเจอร์ Sound Booster ที่ช่วยให้เราสามารถขยายเพดานของระดับเสียงได้ถึง 200% โดยที่เสียงไม่มีการแตกพร่า

 

ส่วนไมโครโฟนที่ติดตั้งมาให้นั้นมีอยู่ 2 ตัว เพื่อใช้เป็นไมโครโฟนตัวหลัก และไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน ดังนั้นเสียงสนทนา หรือเสียงที่บันทึกจึงมีความชัดเจน ไม่โดนกลบไปด้วยเสียงรบกวนจากสภาพแวดล้อม

 

เมมใหญ่ 128GB พร้อมประสิทธิภาพที่ลื่นไหล

สำหรับหน่วยความจำภายใน (ROM) ที่ใส่มาให้มีขนาดที่ 128GB ซึ่งถือว่ามากหากเทียบกับแท็บเล็ตในระดับราคาเดียวกัน และหากไม่พอก็สามารถใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD เพิ่มได้อีกสูงสุด 1TB

 

เรื่องประสิทธิภาพโดยรวมก็ถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป ด้วยชิปเซ็ต MediaTek Helio P60T บวกกับหน่วยประมวลผลกราฟิก PowerVR GE8320 และหน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB ซึ่งอาจจะไม่ใช่ระบบที่เร็วแรงนัก แต่หากจะนำมาเล่นเกมก็พอใช้ได้เลยทีเดียว

 

เช่นเกมยอดนิยมอย่าง PUBG MOBILE นั้นก็สามารถปรับค่ากราฟิกได้สูงสุดที่ระดับ HD กับค่าเฟรมเรตที่ระดับ High ส่วนเกม ROV ก็สามารถปรับค่ากราฟิกได้สูงสุดเกือบทั้งหมด ยกเว้นค่าคุณภาพการแสดงผลที่ปรับได้ไม่ถึงระดับ HD

 

รวมทั้งเกม Asphalt 9: Legends และเกม World War Heroes ก็สามารถเล่นได้เช่นกัน ซึ่งด้วยจอใหญ่ 10.95 นิ้ว กับลำโพง 4 ตัว ก็ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมได้มาก

 

เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของการทำงานโดยรวมด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ก็พบว่าได้คะแนนรวมอยู่ที่ 202919 คะแนน

 

เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench 6 ก็พบว่าได้คะแนนการประมวลผลแบบ Single-Core ที่ 317 คะแนน และได้คะแนนการประมวลผลแบบ Multi-Core ที่ 1245 คะแนน

 

เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench 6 ก็พบว่าได้คะแนนรวมอยู่ที่ 1112 คะแนน

 

แบตเตอรี่จุใจ 8000 mAh ดูวิดีโอต่อเนื่องนานสูงสุด 13 ชั่วโมง

การพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ก็ไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดระหว่างวัน เพราะด้วยแบตเตอรี่ความจุ 8000 mAh ที่ใส่มาให้นั้นถือว่าอึดจุใจหายห่วง เช่นหากเราเปิดดูวิดีโอออนไลน์ พร้อมปรับความสว่างราว 65% และปรับระดับเสียงราว 35% ก็จะสามารถเปิดดูวิดีโอต่อเนื่องได้นานถึง 13 ชั่วโมงเลยทีเดียว

 

อย่างไรก็ดี การชาร์จอาจจะไม่ได้รวดเร็วทันใจมากนัก เพราะรองรับกำลังไฟสูงสุดที่เพียง 18W (9V/2A) ซึ่งหากเทียบกับขนาดของแบตเตอรี่ 8000 mAh ก็ต้องใช้เวลาชาร์จจนเต็มอยู่พอสมควร แต่หากเราชาร์จทิ้งไว้ตอนที่ไม่ได้ใช้งาน เช่นตอนนอนหลับ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้แต่อย่างใด เพราะพอตื่นมาแบตเตอรี่ก็จะเต็ม พร้อมใช้งานได้ยาว ๆ ตลอดวัน และนอกจากนี้ก็ยังรองรับการชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์อื่น ด้วยฟังก์ชัน Reverse Charging แต่ก็ต้องหาซื้ออะแดปเตอร์ OTG มาเชื่อมต่อเพิ่มเติมเพื่อใช้งาน

 

กล้องหลัง 8MP พร้อมระบบโฟกัสอัตโนมัติ ผสานกล้องหน้า 8MP

แม้ TCL NXTPAPER 11 จะเป็นแท็บเล็ตที่เน้นใช้ทำงาน, อ่านหนังสือ หรือเสพความบันเทิงเป็นหลัก แต่ก็ยังใส่กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซลมาให้ ซึ่งอาจจะเป็นความละเอียดที่ไม่มากนัก และมีแค่โหมดพื้นฐานให้ใช้งาน แต่ก็พอที่จะใช้เพื่อเก็บภาพ หรือวิดีโอ มาประกอบในงานของเราได้

 

โดยกล้องหลังนั้นมีรูรับแสงขนาด f2.0 พร้อมระบบโฟกัสอัตโนมัติ และโหมด HDR ซึ่งพอที่จะใช้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ และหากเป็นแสงในตอนกลางวัน ภาพก็จะออกมาสวยคมเลยทีเดียว รวมทั้งมีระบบ AI สำหรับวิเคราะห์ฉากกว่า 22 รูปแบบ ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ต้องการยกกล้องถ่ายแบบง่าย ๆ ไว ๆ ให้สวยแบบอัตโนมัติ

 

สำหรับกล้องหน้ามุมกว้าง 100° นั้นไม่มีข้อมูลว่าขนาดของรูรับแสงนั้นเป็นเท่าใด แต่เท่าที่ได้ลองใช้ การถ่ายภาพในที่แสงน้อยนั้นเป็นรองกล้องหลังอยู่พอสมควร ดังนั้นสำหรับกล้องหน้านั้นน่าจะเหมาะกับการใช้เพื่อการสนทนาแบบวิดีโอ (Video Call) เสียมากกว่า

 

ส่วนโหมดหลัก ๆ ก็จะมีเพียงแค่โหมด Video, Photo, Pano และ Stop Motion ทั้งกล้องหลัง และกล้องหน้า

 

และสามารถบันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 1080P ที่เฟรมเรต 30fps เช่นเดียวกันทั้งกล้องหลัง และกล้องหน้า

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ TCL NXTPAPER 11

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ TCL NXTPAPER 11

ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่จากระยะปกติ (1x)

 

ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่ด้วยมุมรับภาพกว้าง 100°

 

ระบบสดใหม่ พร้อมฟีเจอร์ PC Mode และ Floating Window

TCL NXTPAPER 11 นั้นทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 พร้อมครอบทับด้วย TCL UI v5.0.JY9U ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่สดใหม่ทั้งคู่ ดังนั้นฟีเจอร์ต่าง ๆ จึงครบเครื่องลงตัว และถูกออกแบบมาเพื่อให้เราสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

 

ส่วนของ Notification Panel ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานบนแท็บเล็ตโดยเฉพาะ ด้วยการจัดวางแบบ 3 คอลัมน์ พร้อมทั้งสามารถปรับแต่งเองได้ และเมื่อใช้งานในแนวนอนเมนูการการตั้งค่าด่วนจะอยู่ที่ฝั่งซ้าย ส่วนรายการแจ้งเตือนจะอยู่ที่ฝั่งขวา

 

สามารถเลือกเปิดโหมดใช้งานในแบบ PC Mode เพื่อให้เราได้รับประสบการณ์ในการทำงานในรูปแบบเดียวกับเครื่องพีซีที่คุ้นเคย และจัดการไฟล์ หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้อย่างคล่องตัว

 

มีฟังก์ชัน Floating Window ที่สามารถย่อหน้าจอลงมาให้เป็นหน้าต่างขนาดเล็กที่ลอยย้ายตำแหน่งไปมาได้อย่างอิสระ เช่นเราสามารถย่อจอวิดีโอให้เล็กลง เพื่อทำงานอื่น ๆ ไปด้วยได้

 

มีฟังก์ชัน Split Window ที่เราสามารถแบ่งหน้าจอออกเป็น 2 หน้าต่าง เพื่อใช้งาน 2 แอปพลิเคชันพร้อมกันได้ ซึ่งด้วยหน้าจอขนาดใหญ่แบบนี้ แม้จะแบ่งหน้าจอแล้วก็ยังคงมองเห็นรายละเอียดต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน จึงใช้งานได้สะดวกกว่าการแบ่งหน้าจอบนสมาร์ตโฟน

 

ราคาดี พร้อมแถมฟรี Flip Case และปากกา T-Pen ให้คุ้มอีกต่อ

สำหรับราคาของ TCL NXTPAPER 11 นี้เราได้รับการยืนยันแล้วว่าต่ำกว่าหมื่นบาทอย่างแน่นอน ส่วนจะเป็นเท่าใดนั้น วันที่ 7 สิงหาคมนี้เราก็จะได้รู้กัน (อัปเดตล่าสุด 7 สิงหาคม 2566 ทาง TCL ได้ออกมาประกาศราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว โดยมีราคาอยู่ที่เพียง 7,990 บาท) และที่สำคัญคือในช่วงโปรโมชันตั้งแต่วันที่ 9-31 สิงหาคม 2566 ทาง TCL ก็ใจดีแถมปากกา T-Pen Stylus มูลค่า 1,490 บาท มาให้ใช้งานแบบฟรี ๆ โดยไม่ต้องซื้อเพิ่มอีกต่างหาก เรียกว่าคุ้มสองต่อเลยทีเดียว โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 9 สิงหาคมนี้ ที่ร้าน BaNANA รวมทั้งช่องทางออนไลน์ที่ bnn.in.th และ https://com7.co/3O2Y8V พร้อมส่งฟรีทั่วประเทศ

 

สรุปประสบการณ์หลังใช้งาน TCL NXTPAPER 11

หลังจากที่มีโอกาสได้ใช้งาน TCL NXTPAPER 11 มาระยะหนึ่งก็พอจะสรุปได้ว่านี่เป็นแท็บเล็ตที่เกิดมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องทำงานอยู่กับแท็บเล็ตตลอดเวลาอย่างแท้จริง ด้วยการให้ความสำคัญที่นวัตกรรมของหน้าจอสัมผัสกระดาษที่ปลอดภัยต่อสายตา กับการมาพร้อมปากกา T-Pen Stylus เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีราคาที่เอื้อมถึงได้ง่าย มีความคุ้มค่าเป็นพิเศษ

จุดขายของหน้าจอบน TCL NXTPAPER 11 นี้ไม่ใช่ขนาดที่ใหญ่ 10.95 นิ้ว หรือความละเอียดระดับ 2K เพราะแท็บเล็ตอีกหลาย ๆ รุ่นก็มีเช่นกัน แต่เป็นสิ่งที่หาไม่ได้จากแท็บเล็ตรุ่นอื่นในระดับราคาเดียวกัน นั่นก็คือผิวสัมผัสแบบกระดาษ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีเฉพาะจาก TCL อย่าง NXTPAPER 2.0 กับ NXTVISION ซึ่งถือว่าโดดเด่นกว่าแท็บเล็ตทั่วไป ซึ่งให้ประโยชน์ทั้งเรื่องเนื้อสัมผัสแบบกระดาษ, การถนอมสายตาด้วยระดับแสงสีฟ้าที่ต่ำ ด้วยการทำงานในระดับฮาร์ดแวร์ กับซอฟต์แวร์ ในขณะที่ยังคงมีสีสันที่สดใส และมีความคมชัด, การลดแสงสะท้อน, การป้องกันรอยนิ้วมือ, สัมผัสที่ลื่นไหล, การใช้งานกลางแจ้ง, การปรับอุณหภูมิสีอัตโนมัติตามสภาพแวดล้อม และการควบคุมความสว่างที่ไม่ก่อให้เกิดการกะพริบอย่างแท้จริง ทำให้เมื่อต้องใช้งานนาน ๆ ก็จะไม่รู้สึกปวด หรือเมื่อยล้าดวงตา

 

จุดขายต่อมาคือการมาพร้อมกับปากกา T-Pen โดยที่เราไม่ต้องไปเสียเงินซื้อเพิ่มแต่อย่างใด (เฉพาะช่วงโปรโมชัน) ดังนั้นด้วยราคาเท่านี้จึงถือว่าคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง และปากกา T-Pen นี้ก็ไม่ใช่แค่ขีดเขียนได้แบบพื้น ๆ แต่สามารถตรวจจับแรงกดได้ถึง 4096 ระดับ ดังนั้นเราจึงสร้างสรรค์ผลงานได้ตรงกับจินตนาการมากขึ้นกับการที่สามารถลงน้ำหนักมือได้ดั่งใจ และขณะที่ลากปากกาไปมาก็จะได้สัมผัสที่คล้ายกับการเขียนบนกระดาษ ในขณะที่ยังคงมีความลื่นไหลไม่สะดุดด้วยพื้นผิวที่มีคุณสมบัติของการป้องกันรอยนิ้วมือ หรือคราบเปื้อนต่าง ๆ ซึ่งเท่าที่ได้ใช้งานมา แม้จะไม่ได้คอยเช็ดหน้าจอ ก็แทบจะไม่เห็นรอยนิ้วมือบนหน้าจอเลยก็ว่าได้

 

อีกจุดขายก็คงจะเป็นลำโพงเสียง 4 ตัว ที่ให้เสียงมีมิติ โอบล้อมรอบทิศทาง แยกซ้ายขวาชัดเจน เรียกว่ากระสุน หรือระเบิดมาทางไหน แค่หลับตาฟังก็รู้ได้ทันที และหากคิดว่าความดังยังไม่มากพอ เราก็สามารถเปิดใช้ฟีเจอร์ Sound Booster เพื่อเพิ่มระดับความดังกระหึ่มของเสียงไปที่ 200% ได้

 

เรื่องดีไซน์ภายนอกก็ถือว่าเป็นจุดขายเช่นเดียวกัน พร้อมการันตีรางวัลจาก iF Design Award 2023 ด้วยบอดี้อะลูมิเนียมที่สวยงามเรียบหรูบางเบา จนพกพาไปไหนมาไหนได้อย่างคล่องตัว ไม่ต้องกลัวว่าจะเปลืองพื้นที่ในกระเป๋าแต่อย่างใด

ส่วนคุณสมบัติในด้านอื่น ๆ นั้น แม้รุ่นนี้จะไม่ได้เน้น แต่ก็สามารถรองรับกับการใช้งานในยุคนี้ได้ดี ทั้งชิปเซ็ต MediaTek Helio 60T, กล้องหลัง-กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, หน่วยความจำ ROM ขนาด 128GB ที่สามารถใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD เพิ่มได้อีกสูงสุด 1TB, แบตเตอรี่ความจุ 8000 mAh และระบบสดใหม่อย่าง Android 13 ที่ครอบทับด้วย TCL UI

 

รวม ๆ แล้วนับว่า TCL NXTPAPER 11 ตัวนี้เก่งรอบด้านทั้งการทำงาน, การอ่านหนังสือ e-Book และการเสพคอนเทนต์บันเทิง ในราคาสุดคุ้มค่า ใครที่อยากได้แท็บเล็ตไว้ใช้งาน หรือใช้เรียนหนังสือ ในงบสบายกระเป๋า TCL NXTPAPER 11 ตอบโจทย์ได้ตรงจุดอย่างแน่นอน ซึ่งเราก็จะมารอลุ้นราคาในวันที่ 7 สิงหาคมนี้อีกครั้งหนึ่ง แต่รับรองว่าราคาดีโดนใจแน่นอน (อัปเดตล่าสุด 7 สิงหาคม 2566 ทาง TCL ได้ประกาศราคาวางจำหน่ายในไทยออกมาแล้วที่ 7,990 บาท) สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม พบกันได้ใหม่ในรีวิวรุ่นต่อไป สวัสดีครับ

 

จุดเด่นของ TCL NXTPAPER 11

– กรอบตัวเครื่องผลิตจากโลหะอะลูมิเนียม พร้อมดีไซน์ที่สวยเรียบหรูบางเบาน่าพกพา
– ได้รับรางวัลการออกแบบดีไซน์จาก iF Design Award 2023

————————–

– จอแสดงผลแบบ 2K NXTVISION Display (NCVM IPS) ขนาด 10.95 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K (2000×1200 พิกเซล : 213 PPI)
– เทคโนโลยี NXTVISION Eye Care และ NXTPAPER 2.0
– พื้นผิวหน้าจอคล้ายกระดาษ มีคุณสมบัติในการลดแสงสะท้อนเข้าตา (Glare-Free) และป้องกันรอยนิ้วมือ
– เทคโนโลยีการเคลือบหน้าจอด้วยวัสดุ Nano Chemical
– เทคโนโลยี Adaptive Color Tonality และ AI-Powered Ambient Light Detection
– เทคโนโลยี Multi-Layer Eye Protection และได้รับใบรับรอง Low Blue Light Certified จากสถาบัน TÜV Rheinland
– ระบบป้องกันสายตาจากแสงสีฟ้าในระดับฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์
– ความสว่างสูงสุด 500 nits
– เทคโนโลยีควบคุมความสว่างแบบ Direct Current Dimming ที่ไม่ก่อให้เกิดการกระพริบ (Flicker-Free)

————————–

– ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต MediaTek Helio P60T
– หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) PowerVR GE8320
– หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4 GB
– หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) ขนาด 128 GB
– รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้สูงสุดที่ขนาด 1 TB
– แบตเตอรี่ความจุ 8000 mAh
– ระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 18W (9V/2A)
– ฟังก์ชัน Reverse Charging สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์อื่นในลักษณะของ Power Bank
– ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 พร้อมครอบทับด้วย TCL UI

————————–

กล้องตัวหลักด้านหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล

พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.0, ระบบโฟกัสอัตโนมัติ (Autofocus) และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 1080P FHD (30 fps)

กล้องด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล

พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, มุมรับภาพ 100° และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 1080P FHD (30 fps)

————————–

– รองรับการใช้งานร่วมกับปากกา TCL T-Pen Stylus แบบ Active
– ปากกาตรวจจับแรงกดได้ 4096 ระดับ
– ชาร์จแบตเตอรี่ปากกาผ่านพอร์ต USB Type-C
– เมนูลัดสำหรับฟีเจอร์ที่ใช้งานร่วมกับปากกา
– รองรับการทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน Jnotes (ใช้งานฟีเจอร์แบบ VIP ฟรี 180 วัน)

————————–

ลำโพงเสียง 4 ตัว (Quad Speakers) พร้อมฟีเจอร์ Sound Booster ที่ช่วยให้สามารถเพิ่มระดับเสียงได้สูงสุด 200%
– ไมโครโฟนแบบคู่ (Dual Microphones)
– เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 5
– ระบุตำแหน่ง และนำทางผ่านระบบดาวเทียม GPS+A-GPS, Glonass, Galileo และ QZSS
– พอร์ต USB Type-C
– ฟีเจอร์ Split Screen, Screen Extension Mode, PC Mode และ Floating Window
– ราคา 7,990 บาท ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม และอุปกรณ์ที่มีมาให้ (แถมฟรี Flip Case มาในกล่อง และปากกา T-Pen Stylus มูลค่า 1,490 บาท) (โปรโมชันแถมปากกา T-Pen เฉพาะวันที่ 9-31 สิงหาคม 2566)

สรุปคุณสมบัติโดยละเอียด (สเปก) และราคา ของ TCL NXTPAPER 11

 

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ TCL NXTPAPER 11

– ใช้งานได้เฉพาะระบบ Wi-Fi ไม่รองรับการใช้งานร่วมกับเครือข่าย 5G หรือ 4G LTE
– ไม่มีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
– ไม่มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
– กล้องถ่ายภาพในที่แสงน้อย หรือถ่ายภาพในตอนกลางคืนได้ไม่คมชัดมากนัก และมี Noise ค่อนข้างมาก
– ตัวเครื่องมีให้เลือกเพียงสีเดียว (Dark Grey)
– ตัวเครื่องไม่มีคุณสมบัติของการทนน้ำ-ทนฝุ่น

 

โปรดทราบ*

โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางผู้ผลิต เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบ หรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *

 

 

วันที่ : 06/08/2023