รีวิว OPPO A98 5G


รีวิว OPPO A98 5G สมาร์ตโฟน A Series ที่ดีที่สุด อัปเกรดครั้งใหญ่ ชาร์จไวขึ้น จอใหญ่ขึ้น กล้องดีขึ้น และชิปแรงขึ้น บนดีไซน์ขอบโค้งโฉมใหม่ ในราคาจับต้องได้

 

หากพูดถึงแบรนด์ OPPO นอกจากสมาร์ตโฟน Reno Series แล้ว สมาร์ตโฟน A Series ก็เป็นสมาร์ตโฟนที่ได้รับความนิยมในบ้านเราไม่แพ้กัน ด้วยราคาที่เอื้อมถึงได้ง่าย พร้อมใส่ฟีเจอร์มาให้แบบครบเครื่อง ล่าสุดสมาร์ตโฟน A Series รุ่นใหม่ก็มาถึงเมืองไทยแล้ว นั่นคือ OPPO A98 5G ที่มีการอัปเกรดจากรุ่นเดิมอย่าง OPPO A96 แทบทุกส่วน และเราก็ได้นำมารีวิวให้ชมกันในวันนี้แล้วครับ

OPPO A98 5G ยังคงมีดีไซน์แบบ OPPO Glow ที่โดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของ OPPO เหมือนเช่นเคย แต่คราวนี้ปรับปรุงใหม่ด้วยขอบโค้ง 3D Micro-Curved ที่นอกจากจะช่วยให้มีความสวยงามมากขึ้นแล้ว ก็ยังจับถือได้ง่ายกว่าเดิมด้วย

การอัปเกรดที่สำคัญของรุ่นนี้ก็คือระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 67W SUPERVOOC นับว่าเป็นสมาร์ตโฟน A Series ที่ชาร์จไวที่สุดแล้วในขณะนี้ ซึ่งสามารถชาร์จจนเต็ม 100% ได้ภายในเวลาเพียง 44 นาที ขณะเดียวกัน ตัวแบตเตอรี่ยังมีความจุ 5,000 mAh และมีเทคโนโลยี Battery Health Engine ที่ช่วยชะลอการเสื่อมของแบตเตอรี่อีกด้วย

การอัปเกรดต่อมาคือหน้าจอแสดงผลแบบ FHD+ LTPS ขนาดใหญ่กว่าเดิมที่ 6.72 นิ้ว ที่ลื่นไหลเนียนตาด้วยอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz และยังแสดงช่วงสีแบบ DCI-P3 ได้ครบถ้วน 100% เรียกว่าตอบโจทย์ทั้งการดูหนัง และเล่นเกม

 

ในเชิงประสิทธิภาพ OPPO A98 5G ประมวลผลด้วยชิปเซ็ตตัวใหม่อย่าง Snapdragon 695 ซึ่งเป็นชิปเซ็ต 5G ระดับกลางยอดนิยม พร้อมหน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB ที่รองรับฟีเจอร์ Expansion RAM ได้มากขึ้นเป็นขนาด 8GB และหน่วยความจำ ROM ขนาด 256GB ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้จึงช่วยให้รองรับการทำงานทุกแบบได้อย่างลื่นไหลไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป หรือเล่นเกม และหากยังไม่พอ ก็สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกด้วยการ์ด microSD ได้อีกสูงสุด 1TB เรียกว่าเก็บรูป และไฟล์ต่าง ๆ ได้แบบจุใจ ขณะเดียวกัน ยังมีเทคโนโลยี Dynamic Computing Engine ที่ช่วยจัดระเบียบการทำงานของระบบในเบื้องหลังให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ ซึ่ง OPPO การันตีว่าจะช่วยให้ OPPO A98 5G สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหลเหมือนใหม่อย่างน้อย 48 เดือน นอกจากนี้ ยังมีลำโพงเสียงแบบคู่ พร้อมฟีเจอร์ Ultra Volume ที่ช่วยเร่งพลังเสียงได้ถึง 200%

ส่วนการถ่ายภาพ OPPO A98 5G ก็มีการอัปเกรดใหม่ทั้งกล้องหน้า-กล้องหลัง เริ่มที่การเอาใจสายเซลฟี่ด้วยกล้องหน้าที่มีความละเอียดมากขึ้นอีกเท่าตัวเป็น 32MP ส่วนชุดกล้องหลังเป็นชุดกล้อง 3 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลัก AI ที่มีความละเอียดมากขึ้นเป็น 64MP เสริมด้วยกล้อง Depth ความละเอียด 2MP และกล้อง Microlens ความละเอียด 2MP ซึ่งเป็นเลนส์จุลทรรศน์ที่มีกำลังขยายสูงถึง 40x ช่วยให้เราได้เห็นรายละเอียดเล็ก ๆ ที่แม้แต่กล้อง Macro ก็ทำไม่ได้ และหาได้ยากในสมาร์ตโฟนปัจจุบัน

จากคุณสมบัติข้างต้น OPPO A98 5G จัดว่าเป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางที่มีความน่าสนใจทั้งในเรื่องดีไซน์ และฟีเจอร์ ในราคาที่เอื้อมถึงได้ง่ายเพียง 10,990 บาท ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมในรีวิว OPPO A98 5G กันได้เลยครับ


เปิดกล่อง พร้อมส่องอุปกรณ์ด้านในของ OPPO A98 5G

OPPO A98 5G มาในกล่องโทนสีขาว-เทา ที่เรียบหรูดูดี

 

ภายในจะมีตัวเครื่อง, เข็มถอดถาดซิมการ์ด, คู่มือการใช้งาน, ใบรับประกัน, เคสใส, สาย USB-C และอะแดปเตอร์ชาร์จไว 67W SUPERVOOC พร้อมให้เราสัมผัสพลังชาร์จไวได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อเพิ่มเองในภายหลัง

ดีไซน์ OPPO Glow โฉมใหม่ ใส่ความโค้งให้สวยเข้ามือกว่าเดิม

OPPO A98 5G มีตัวเครื่องขนาดพอดีมือ และมีน้ำหนักค่อนข้างเบา ถือสบาย ฝาหลังด้านข้างถูกปรับปรุงใหม่ให้มีความโค้งมนเล็กน้อย เพื่อช่วยลดความคมของขอบเครื่องด้านข้าง โดย OPPO เรียกดีไซน์ใหม่นี้ว่า 3D Micro-Curved ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ถือสบายมือขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ดีไซน์โดยรวมของตัวเครื่องดูสวยพรีเมียมขึ้นด้วย

 

ทั้งนี้ OPPO A98 5G จะยังใช้เทคนิคออกแบบ OPPO Glow เหมือนเดิม โดยเป็นการสลักคริสตัลขนาดเล็กนับล้านลงบนวัสดุฝาหลัง ทำให้มีผิวด้านแต่สะท้อนแสงเป็นประกาย รวมทั้งมีคุณสมบัติของการทนทานต่อรอยนิ้วมือ, รอยขีดข่วน และการเสื่อมชำรุด สำหรับสีที่นำมารีวิวให้ชมกันนี้เป็นสีฟ้า Dreamy Blue

 

ดีไซน์กล้องหลังได้รับแรงบันดาลใจมาจากขอบหน้าปัดแบบร่องของนาฬิกาหรู โดยจะเป็นฐานทรงแคปซูล พร้อมแบ่งเป็น 2 วงย่อย วงด้านบนเป็นกล้องหลักที่มีความละเอียดมากขึ้นเป็น 64MP (จากเดิม 50MP) ส่วนวงล่างติดตั้งกล้อง Depth 2MP, กล้อง Microlens 2MP และไฟแฟลช LED

 

ส่วนของตัวเครื่องด้านหน้า OPPO A98 5G จะเป็นหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 6.72 นิ้ว (เดิม 6.59 นิ้ว) ความละเอียดระดับ FHD+ (2400×1080 พิกเซล) โดยเป็นจอแบบ LTPS LCD ที่รองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz มีความสว่างสูงสุดที่ระดับ 680 nits จึงสู้แสงแดดได้พอสมควร ด้านบนเป็นกล้องหน้าแบบเจาะรูฝังใต้จอที่มีความละเอียดมากขึ้นเป็น 32MP (เดิม 16MP) พร้อมรูรับแสงขนาด โดยตัวเครื่องด้านหน้าทั้งหมดครอบทับด้วยกระจกนิรภัย Panda 1681 Secondary Tempered Glass

 

สำหรับปุ่ม Power จะทำหน้าที่เป็นเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้วย โดยอยู่ที่ด้านขวาของตัวเครื่อง ส่วนด้านซ้ายมีช่องใส่ซิมการ์ด และปุ่มปรับระดับเสียงแยกกัน 2 ปุ่ม

 

ขอบด้านบนมีเพียงไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน ในขณะที่ขอบด้านล่างมีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟนหลัก, ช่องลำโพง และพอร์ต USB-C โดยสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือลำโพงติดตั้งมาให้นั้นจะเป็นลำโพงเสียงแบบคู่ (Dual Stereo Speakers) ซึ่งเสียงจะออกทางช่องลำโพงด้านล่าง และช่องลำโพงสนทนาด้านบน อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ Ultra Volume Mode 2.0 สำหรับการเพิ่มระดับเสียงได้สูงสุด 200% อีกด้วย

 

ส่วนถาดใส่ซิมเป็นแบบ Hybrid สามารถเลือกใส่เป็นซิมคู่ nano SIM + nano SIM หรือใส่ซิมพร้อมกับการ์ด microSD ก็ได้

 

ชาร์จไวทันใจกว่าเดิมแบบคูณสอง ด้วยเทคโนโลยี 67W SUPERVOOC

ระบบชาร์จไวถือเป็นจุดขายสำคัญของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ โดยมีระบบชาร์จไวที่เร็วขึ้นอีกเท่าตัวเป็นแบบ 67W SUPERVOOC (จากเดิมที่เป็นแบบ 33W SUPERVOOC) ซึ่งเร็วที่สุดในสมาร์ตโฟน A Series แล้วในตอนนี้ โดยข้อมูลที่ทาง OPPO ให้มานั้นระบุว่าสามารถชาร์จ 50% ได้ในเวลา 18 นาที และชาร์จเต็ม 100% ได้ในเวลา 44 นาที

ซึ่งจากการทดสอบชาร์จจริงด้วยการชาร์จจาก 2%-100% พบว่าใช้ไปเวลาไปทั้งหมด 49 นาที อย่างไรก็ตาม ความเร็วในการชาร์จขึ้นอยู่กับกระแสไฟฟ้า และปัจจัยอื่น ๆ ณ ขณะชาร์จด้วย ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่

ส่วนเรื่องความอึดของแบตเตอรี่ จากการทดสอบเล่นเกมประมาณ 1 ชั่วโมง พบว่าแบตเตอรี่ลดลงไปประมาณ 10% ซึ่งการบริโภคพลังงานระดับนี้สามารถใช้งานได้ข้ามวันแบบสบาย ๆ ถ้าไม่เล่นเกมติดกันหลายชั่วโมง หรือถ้าแบตหมดจริง ๆ ก็ยังมีเทคโนโลยีชาร์จไว 67W SUPERVOOC จึงไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่เลยแม้แต่น้อย

 

กล้องอัปเกรดใหม่ ใช้เซนเซอร์ละเอียดกว่าเดิม พร้อม 40x Microlens

กล้องตัวหลักที่ด้านหลังของ OPPO A98 5G นั้นจะเป็นชุดกล้อง 3 ตัว (AI Triple Camera) ซึ่งประกอบด้วย

– กล้องหลัก AI ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f1.7, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 79°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
– กล้อง
Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4, มุมรับภาพ 89° และโครงสร้างแบบ 3 ชิ้นเลนส์
– กล้อง
Microlens ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f3.3, ทางยาวโฟกัส 34 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 65°), ระยะโฟกัสใกล้สุด 5.5 มิลลิเมตร, กำลังขยาย 40x และโครงสร้างแบบ 3 ชิ้นเลนส์

 

จากลักษณะของชุดกล้อง OPPO A98 5G จะเหมาะกับการถ่ายรูปทั่วไป และแนวพอร์ตเทรท โดยยังคงมีระบบ AI Portrait Retouching มาช่วยในการเบลอฉากหลัง และปรับแต่งภาพ โหมดการถ่ายภาพมีไม่มากนัก แต่มีโหมดหลัก ๆ อยู่ครบ ไม่ว่าจะเป็นโหมดพอร์ตเทรท, โหมดกลางคืน, พาโนรามา ไปจนถึงโหมดโปร อีกทั้งยังมีฟิลเตอร์แต่งภาพให้เลือกใช้หลากหลาย และเปิดใช้เอฟเฟกต์ AI Retouching ในโหมดอัตโนมัติได้

 

โปรไฟล์ภาพถ่ายจากกล้องของ OPPO A98 5G จะมีโทนที่นุ่มนวล โดยมีคอนทราสต์ไม่จัดจ้าน, สีสันไม่อิ่มเกินไป และดูสว่าง ให้อารมณ์ที่อ่อนหวานตามแบบฉบับของ OPPO

ส่วนกล้องจุลทรรศน์ หรือ Microlens เป็นกล้องที่มีกำลังขยายสูงกว่ากล้อง Macro ทำให้เราเห็นรายละเอียดของวัตถุในแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน โดยซุมได้ถึง 40x ปัจจุบันมีสมาร์ตโฟนเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่มีกล้องแบบนี้ และเป็นครั้งแรกของสมาร์ตโฟนตระกูล OPPO A Series เช่นกัน

สำหรับการบันทึกวิดีโอ ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง สามารถบันทึกที่ความละเอียดสูงสุด 1080p 30fps

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลักของ OPPO A98 5G

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดกล้องจุลทรรศน์

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดอัตโนมัติ


ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดกลางคืน

 

กล้องหน้าคมชัดขึ้นเท่าตัว สวยใสสั่งได้ตามสไตล์ OPPO

แต่เดิมกล้องหน้าของ OPPO A96 นั้นมีความละเอียดที่ 16 ล้านพิกเซล ซึ่งก็ถือว่าคมชัดพอสมควรแล้ว แต่พอมาใน OPPO A98 5G รุ่นนี้ถูกอัปเกรดมาใช้เซนเซอร์ที่มีความละเอียดมากขึ้นเป็นเท่าตัวที่ 32 ล้านพิกเซล ดังนั้นภาพเซลฟี่จึงคมชัดขึ้นไปอีกขั้น และแน่นอนว่ายังคงมีฟังก์ชัน Retouch สำหรับการปรับใบหน้า และโหมด Portrait เพื่อเบลอฉากหลักมาให้ใช้งานด้วยเช่นเคย เรียกว่าสวยหล่อสั่งได้ตามสไตล์ OPPO เช่นเคย

 

ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่จากกล้องหน้าของ OPPO A98 5G

 

ชิปเซ็ตตัวใหม่ ใช้งานลื่นไหลทันใจกว่าเดิม พร้อม RAM Expansion สูงสุด 8GB

OPPO A98 5G อัปเกรดมาใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 695 5G ซึ่งเป็นหนึ่งในชิปเซ็ตระดับกลางรุ่นยอดนิยม ที่มีประสิทธิภาพโดยรวมที่ดีกว่าเดิม ส่วนหน่วยความจำภายในตัวเครื่องจะเป็น RAM แบบ LPDDR4X กับ ROM แบบ UFS 2.2 ตามมาตรฐานของสมาร์ตโฟนในปัจจุบัน โดยรุ่นที่จำหน่ายในไทยจะมี RAM 8GB+ROM 256GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ได้สูงสุด 1TB เช่นเดิม 

 

ระบบภายในจะเป็น ColorOS 13.1 ซึ่งที่มีพื้นฐานมาจาก Android 13 และทำงานเข้ากับชิปเซ็ต Snapdragon 695 ได้อย่างราบรื่นไม่มีปัญหา โดยมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เช่น :

Screen Translate สำหรับแปลเนื้อหาทั้งหมดของหน้าจอได้ด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว รองรับการแปลอัจฉริยะระหว่างภาษาต่างๆ กว่า 100 ภาษา
Auto Pixelate สำหรับเซนเซอร์ชื่อ และรูปโปรไฟล์ได้อย่างรวด เร็ว และปลอดภัย โดยแตะเพียงครั้งเดียว เพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวของคุณก่อนแชร์ไปยังแอปส่งข้อความ

 

 และที่ขาดไม่ได้สำหรับสมาร์ตโฟนยุคนี้คือระบบ RAM Expansion ที่สามารถเพิ่ม Virtual RAM ได้สูงสุดมากขึ้นเป็น 8GB (เดิมสูงสุด 5GB) รวมกันแล้วเป็น 16GB เรียกว่ามีให้ใช้กันแบบเหลือเฟือแน่นอน ไม่ต้องห่วงเรื่องเครื่องช้าเพราะ RAM ไม่พอ

 

เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench 6 ก็พบว่าได้คะแนนการประมวลผลแบบ Single-Core ที่ 898 คะแนน และได้คะแนนการประมวลผลแบบ Multi-Core ที่ 2,059 คะแนน

 

เมื่อทดสอบประสิทธิภาพในการทำงานโดยรวมด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ก็พบว่าได้คะแนนรวมอยู่ที่ 364,577 คะแนน

 

เล่นเกมลื่น ภาพสวยไม่สะดุด พร้อมฟีเจอร์ HYPERBOOST Game Engine

สำหรับเกมที่เรานำมาทดสอบนั้นจะเป็นเกมที่ใช้ทรัพยากรเครื่องสูงอย่าง Genshin Impact และเกมยอดนิยมอย่าง PUBG Mobile เช่นเคย สำหรับ Genshin Impact สามารถเล่นได้ลื่นพอสมควรบนการตั้งค่ากราฟิกระดับกลาง โดยมีเฟรมเรตอยู่ที่ 24-27 fps อยู่ในระดับที่เล่นได้เพลิน ๆ ส่วน PUBG Mobile ก็เล่นได้แบบลื่น ๆ เช่นกันบนการตั้งค่ากราฟิกระดับ HD การควบคุมมีการตอบสนองที่ดี ไม่มีปัญหาใด ๆ สามารถเล่นเกมที่มีการเคลื่อนไหวเร็ว ๆ ได้อย่างสบายใจ ส่วนเรื่องความร้อนก็จัดการได้ค่อนข้างดี โดยตัวเครื่องจะเริ่มอุ่น ๆ เฉพาะตอนที่เล่นเกมหนัก ๆ เท่านั้น แต่ก็ไม่ถึงกับร้อนมาก โดยรวมถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนอีกรุ่นหนึ่งที่เล่นเกมได้ลื่นไหลไม่หงุดหงิด

 

สำหรับฟีเจอร์ช่วยเล่นเกม HYPERBOOST Game Engine ที่ติดมาด้วยนั้น จะคล้ายกับของแบรนด์อื่น ๆ โดยมีโหมดเพิ่มความแรงในการเล่นเกม (ใช้ชื่อว่าโหมดโปรแกรมเมอร์) ซึ่งระบบจะให้ความสำคัญกับการประมวลผลเกมเป็นอันดับแรก และโหมดประหยัดพลังงานที่เน้นการเล่นเกมแบบมาราธอน รวมไปถึงการปล่อยเล่นแบบปิดจอสำหรับเปิดบอทฟาร์มของ, ล็อกความสว่าง, ดูสถานะ CPU/GPU/Fps, และอื่น ๆ ซึ่งจัดว่าครบครัน

 

ราคา, โปรโมชัน และการวางจำหน่ายของ OPPO A98 5G

ล่าสุดวันนี้ (1 มิถุนายน 2566) ทาง OPPO (ประเทศไทย) ก็ได้ประกาศราคาอย่างเป็นทางการของ OPPO A98 5G ออกมาแล้วที่ 10,990 บาท เรียกว่าเป็นราคาที่ใครก็เข้าถึงได้ และประเดิมวางจำหน่ายทันทีวันนี้เป็นวันแรก พร้อมโปรโมชันรับฟรีของสมนาคุณรวมมูลค่า 6,499 บาท ซึ่งประกอบไปด้วยบัตร E-VIP Card และกระเป๋า OPPO Trendy Bag เมื่อซื้อ OPPO A98 5G ตั้งแต่วันที่ 1-30 มิถุนายน 2566 ที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ

 

สรุปประสบการณ์หลังใช้งาน OPPO A98 5G

จากที่มีโอกาสได้ใช้งาน OPPO A98 5G มาระยะหนึ่งก็พบว่า นี่คือสมาร์ตโฟนที่ยังคงสืบทอดเอกลักษณ์ความเป็น A Series เอาไว้อย่างครบถ้วน และอัปเกรดต่อยอดให้ดียิ่งขึ้นในแทบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของดีไซน์, ระบบชาร์จไว, จอแสดงผล, หน่วยประมวลผล, หน่วยความจำ และกล้องถ่ายภาพ

ในส่วนของดีไซน์นั้น ยังคงเน้นความพรีเมียม และมีสไตล์เช่นเดิม ด้วยเทคโนโลยีการผลิตฝาหลังแบบ OPPO Glow ที่เป็นผิวด้านแต่สะท้อนแสงได้ นอกจากจะดูสวยงามแล้ว ยังช่วยลดคราบมัน หรือรอยนิ้วมือเมื่อใช้งานได้ และยังมีรายละเอียดเล็ก ๆ ตรงบริเวณขอบฝาหลังที่มีความโค้งมนเล็กน้อย (เรียกว่าดีไซน์ 3D Micro-Curved) ที่ช่วยลดความคมของขอบตัวเครื่องที่เป็นสันแบน จึงให้ความรู้สึกขณะถือใช้งานที่สบายมือมากขึ้น

สำหรับหน้าจอแสดงผลซึ่งเป็นส่วนสำคัญสำหรับประสบการณ์การใช้งาน OPPO A98 5G มีหน้าจอ LTPS LCD ขนาด 6.72 นิ้ว ซึ่งใหญ่เต็มตายิ่งกว่าเดิม ใช้ดูหนัง และเล่นเกมได้แบบเต็มอรรถรส ไม่อึดอัด และยังมีอัตราการรีเฟรชสูงถึง 120Hz จึงช่วยให้การเลื่อนดูฟีดบนโซเชียลมีเดียลื่นไหลสบายตายิ่งขึ้น ส่วนการใช้งานกลางแจ้งนั้น หน้าจอของ OPPO A98 5G ก็สามารถสู้แสงได้พอสมควรด้วยความสว่างสูงสุด 680 nits แต่ถ้าเป็นช่วงที่มีแดดแรงจัด ๆ อย่างตอนนี้อาจจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ หากเป็นจอ OLED น่าจะสู้แสงได้ดีขึ้น และช่วยให้สีสันบนหน้าจอสดใสขึ้นด้วย

 

ระบบชาร์จไวที่ถือเป็นการอัปเกรดสำคัญของรุ่นนี้ ก็เรียกได้ว่าไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะชาร์จได้ไวจริง ๆ หากใครเคยใช้ A Series รุ่นอื่นมาก่อน และคิดว่าชาร์จไวแล้ว รุ่นนี้ชาร์จไวกว่าจนรู้สึกได้ เพราะชาร์จเพียงแค่ 15 นาทีก็ได้แบตเตอรี่มาเกิน 50% แล้ว หรือจะชาร์จจนเต็มก็ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ต่อให้แบตเตอรี่หมดระหว่างวันจริง ๆ ขอแค่มีจังหวะชาร์จสั้น ๆ ก็ใช้งานต่อได้อีกนาน

ส่วนความอึดของแบตเตอรี่นั้น จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ อาจจะยังไม่ถึงขึ้นโดดเด่น แต่ไม่แพ้สมาร์ตโฟนรุ่นอื่นในตลาดแน่นอน และสามารถอยู่ได้ตลอดวันในกรณีของการใช้งานปกติทั่วไป

ด้านประสิทธิภาพ OPPO A98 5G นั้นอัปเกรดมาใช้ชิปเซ็ตประมวลผล Snapdragon 695 5G แม้จะเป็นชิปตระกูล 600 series แต่ก็เป็นรุ่นที่เปิดตัวไม่นาน จึงมีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง และประหยัดพลังงาน ส่วนหน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB ถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานอยู่แล้ว การใช้งานในชีวิตประจำวันจึงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้ากลัวว่าจะไม่พอจริง ๆ ก็มีฟีเจอร์ RAM Expansion ที่ช่วยเพิ่ม Virtual RAM ได้อีก 8GB จึงไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ ขณะเดียวกัน ยังให้พื้นที่เก็บข้อมูลภายในมามากถึง 256GB จึงสามารถติดตั้งเกม และแอปพลิเคชันได้เต็มที่ หรือถ้าใครชอบถ่ายรูป และพื้นที่ไม่พอ ก็สามารถใส่การ์ด microSD เพิ่มได้อีกถึง 1TB โดยรวมแล้วเรียกได้ว่าตอบโจทย์การใช้งานได้แบบเหลือ ๆ ซึ่งแม้รุ่นนี้จะไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมเป็นหลัก แต่ก็สามารถเล่นเกมยอดนิยมทุกเกมได้แบบลื่น ๆ และเปิดใช้กราฟิกได้สูงพอตัวเลยทีเดียว

 

ด้านการถ่ายภาพ กล้องหลักของ OPPO A98 5G นั้นเลือกใช้เซนเซอร์รับภาพที่มีความละเอียดมากขึ้นเป็น 64MP ซึ่งเมื่อถ่ายภาพออกมาจะมีโปรไฟล์ภาพที่ดูนุ่มนวล, สว่าง และมีคอนทราสต์ไม่จัด เหมาะสำหรับคนที่ชอบสไตล์ภาพถ่ายที่ดูอ่อนหวาน แต่เนื่องจากไม่มีกล้อง Ultra Wide ทำให้อาจไม่ค่อยเหมาะกับการถ่ายภาพทิวทัศน์ (Landscape) จึงเหมาะกับคนที่ชอบถ่ายรูปทั่วไป และรูปพอร์ตเทรตภายใต้แสงธรรมชาติมากกว่า

โหมดพอร์ตเทรตของ OPPO A98 5G มีจุดเด่นที่น่าสนใจคือเอฟเฟกต์ Bokeh Flare ที่จะทำให้แสงไฟพื้นหลังกลายเป็นดวงไฟโบเก้ได้แบบง่าย ๆ และเอฟเฟกต์ AI Color Portrait ที่จะดูดสีฉากหลังออกให้มีสีสันเฉพาะตัวแบบเท่านั้น ซึ่งทั้งสองเอฟเฟกต์นี้จะช่วยขับให้ตัวแบบโดดเด่นยิ่งขึ้น ให้เราได้เลือกใช้ตามสถานการณ์ ส่วนเอฟเฟกต์ AI Retouch หรือบิวตี้ก็ยังคงทำได้ดีตามมาตรฐานของ OPPO โดยสามารถปรับได้แทบทุกอย่างตั้งแต่ความเนียนของผิวไปจนถึงรูปหน้า อย่างไรก็ตาม โหมดพอร์ตเทรทของ OPPO A98 5G เหมาะจะถ่ายในที่สว่าง ๆ มากกว่า หากเป็นในอาคารภาพที่ได้อาจจะมี Noise และไม่คมนัก

สำหรับโหมดกลางคืนถือว่าทำได้ดีทีเดียว โดยสามารถเฉลี่ยจุดสว่าง-จุดมืดได้ดี ไม่ค่อยมี Noise และให้รายละเอียดที่คมชัด นับว่าเป็นมือถือระดับกลางที่ทำคะแนนในจุดนี้ได้ดีอีกรุ่นหนึ่ง

ส่วน กล้อง Microlens เป็นลูกเล่นที่หายาก และน่าจะมีเฉพาะในสมาร์ตโฟน OPPO บางรุ่นเท่านั้น สำหรับผู้ใช้ทั่วไปอาจจะเป็นโหมดที่เอาไว้ถ่ายสนุก ๆ เพราะหาโอกาสใช้งานยาก แต่สำหรับคนที่ชอบต่อโมเดลขนาดเล็ก, ช่างฝีมือ หรือคนที่ชอบส่องพระ ฟีเจอร์นี้น่าจะช่วยได้มากในการตรวจดูรายละเอียดของชิ้นงาน แต่อาจจะโฟกัสยากสักนิด

และสำหรับกล้องหน้านั้น ให้ความละเอียดมามากขึ้นอีกเท่าตัวเป็น 32MP มีการปรับเพิ่มความสว่างอย่างเป็นธรรมชาติทั้งฉาก และตัวแบบ แถมยังมีโหมดเซลฟี่กลางคืนในเวลาที่มีแสงไม่พอด้วย เรียกได้ว่าพร้อมถ่ายเซลฟี่ทุกที่ทุกเวลา

 

จากทั้งหมดที่กล่าวมา OPPO A98 5G ถือเป็นสมาร์ตโฟนตระกูล A Series ที่น่าสนใจที่สุดในชั่วโมงนี้ของแบรนด์ OPPO ด้วยการอัปเกรดความสามารถหลาย ๆ ด้านให้ดีขึ้น ซึ่งแม้เมื่อเทียบกับรุ่นที่สูงกว่านี้ อาจจะไม่ใช่รุ่นที่แรงที่สุด หรือมีฟีเจอร์ดีที่สุด แต่ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกประเภท โดยมีจุดเด่นที่การชาร์จไว, จอใหญ่, ดีไซน์สวย และกล้องที่ถ่ายรูปได้ดี โดยรวมเหมาะกับผู้ใช้ทุกเพศทุกวัยที่ต้องการสมาร์ตโฟนดี ๆ สักเครื่องไว้ใช้งานในงบประมาณหมื่นต้น ๆ ครับ

สรุปสิ่งที่น่าสนใจ และคุณสมบัติเด่นของ OPPO A98 5G

 

– ดีไซน์ฝาหลังขอบโค้งแบบ 3D Micro Curved ที่ช่วยในเรื่องความสวยงาม และการจับถือที่ง่าย
– พื้นผิวด้านหลังแบบ
OPPO Glow ที่ใช้เทคโนโลยีการสลักคริสตัลขนาดเล็กนับล้านลงในวัสดุฝาหลัง เพื่อให้พื้นผิวมีความด้าน และเป็นประกาย
– พื้นผิวด้านหลังมีคุณสมบัติของการทนทานต่อรอยนิ้วมือ, รอยขีดข่วน และการเสื่อมชำรุด
– ดีไซน์กล้องได้รับแรงบันดาลใจจากขอบหน้าปัดแบบร่องของนาฬิกาหรู

——————————

– จอแสดงผลแบบ LTPS LCD ขนาด 6.72 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2400×1080 พิกเซล : 391 PPI)
– อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่
120Hz (ปรับได้ 6 ระดับ)
– แสดงผลช่วงสีแบบ DCI-P3 และ sRGB ได้ 100%
– ความสว่างสูงสุด
680 nits
– ครอบทับด้วยกระจก Panda 1681 Glass (Secondary Tempered Glass)

—————————–

ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 695 5G (SM6375)
– หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 619
– หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด
8 GB พร้อมระบบ RAM Expansion สำหรับช่วยขยายขนาด RAM ด้วย ROM (Virtual RAM) เพิ่มเติมได้สูงสุด 8 GB
– หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) แบบ UFS 2.2 ขนาด
256 GB
– รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้สูงสุดที่ขนาด
1 TB
– ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 พร้อมครอบทับด้วย ColorOS 13.1
– เทคโนโลยี
Dynamic Computing Engine เพื่อการใช้งานที่ลื่นไหลเหมือนใหม่นาน 48 เดือน

—————————–

– แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh
– ระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ
67W SUPERVOOC, VOOC และ PD (9V/2A)
– ชาร์จแบตเตอรี่ได้ 50% ภายในเวลา 18 นาที
– ชาร์จแบตเตอรี่ได้ 100% ภายในเวลา 44 นาที
– เทคโนโลยี
Battery Health Engine ที่สามารถเพิ่มอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้ 2 เท่า (4 ปี หรือมากกว่า)
– แถมอะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่แบบ
67W SUPERVOOC มาให้ในกล่องพร้อมใช้งานโดยไม่ต้องซื้อเพิ่มเองภายหลัง

—————————–

กล้องตัวหลักด้านหลัง 3 ตัว (AI Triple Camera) ประกอบด้วย

– กล้องหลัก AI ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f1.7, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 79°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
– กล้อง
Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4, มุมรับภาพ 89° และโครงสร้างแบบ 3 ชิ้นเลนส์
– กล้อง
Microlens ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f3.3, ทางยาวโฟกัส 34 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 65°), ระยะโฟกัสใกล้สุด 5.5 มิลลิเมตร, กำลังขยาย 40x และโครงสร้างแบบ 3 ชิ้นเลนส์

พร้อมโหมด Ultra-Clear 108MP, โหมด Ultra Night, เทคโนโลยี Multi-Frame Noise Reduction, ฟีเจอร์ AI Portrait Retouching, ฟีเจอร์ AI Colour Portrait, ฟีเจอร์ Flash Snapshot, รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 1080P FHD (30 fps) และโหมด Dual-View Video

กล้องด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล

พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4, ทางยาวโฟกัส 22 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 89°) และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 1080P FHD (30 fps)

————————

ลำโพงเสียงแบบคู่ (Dual Stereo Speakers)
– ฟีเจอร์ Ultra Volume Mode 2.0 สำหรับการเพิ่มระดับเสียงได้สูงสุด 200%
– เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง (Side Mounted Fingerprint Sensor) พร้อมระบบจดจำใบหน้า (Facial Recognition)
– เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 5, 5G, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
– เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.1 และ NFC
– พอร์ต USB Type-C
– พอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

สรุปคุณสมบัติโดยละเอียด (สเปก) และราคา ของ OPPO A98 5G

 

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติม

– ตัวเครื่องไม่มีคุณสมบัติของการทนน้ำ-ทนฝุ่น
– ไม่มีกล้อง Ultra Wide จึงอาจไม่เหมาะกับการถ่ายภาพมุมกว้าง หรือภาพวิวทิวทัศน์
กล้องถ่ายภาพไม่มีระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
– บันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 1080P FHD (30 fps)
– หน้าจอแสดงผลไม่ใช่แบบ OLED
– ใช้ถาดซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot


โปรดทราบ

* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางผู้ผลิต เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริง รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจถูกแก้ไขให้ดีขึ้นแล้วในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบ หรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่งเพื่อความมั่นใจ *

 

วันที่ : 04/06/2023