รีวิว vivo X90 Pro 5G รีวิว vivo X90 Pro 5G เรือธงกล้อง ZEISS เซนเซอร์ 1 นิ้วรุ่นเดียวในไทยของ vivo ตรงใจมืออาชีพ พร้อมความแรงทะลุล้าน บนดีไซน์แบบ Big Eye ผสานฝาหลังหนัง Vegan สุดหรู


สมาร์ตโฟนเรือธงยุคนี้ สิ่งสำคัญอันแรก ๆ ที่มักจะให้ความสำคัญกันก็คือเรื่องของกล้องถ่ายภาพ แต่ในระยะหลัง ๆ การชูเรื่องคุณสมบัติอันสวยหรูอย่างเดียวดูเหมือนจะไม่เพียงพอเสียแล้ว เพราะผู้ใช้งานต่างก็คาดหวังกับสิ่งที่ได้รับมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะบรรดาผู้ที่ถ่ายภาพจริงจัง หรือในระดับมืออาชีพ ดังนั้นวิธีหนึ่งที่จะสร้างพลังความเชื่อมั่นให้กับคนกลุ่มนี้ก็คือการจับมือพัฒนาร่วมกับแบรนด์กล้องระดับโลก ซึ่งหนึ่งในความร่วมมือครั้งสำคัญก็คือการที่ vivo กับแบรนด์ผู้ผลิตเลนส์กล้องชั้นนำอย่าง ZEISS ได้ตกลงปลงใจมาทำงานร่วมกัน เพื่อพัฒนากล้องถ่ายภาพบนสมาร์ตโฟนที่ยอดเยี่ยมในระดับมืออาชีพสู่ตลาดสมาร์ตโฟน และล่าสุดก็กลายมาเป็น vivo X90 Pro 5G ที่เรานำมารีวิวให้ชมกันในวันนี้นั่นเอง

 

vivo X90 Pro 5G ยังคงเน้นจุดเด่นที่การถ่ายภาพเช่นเคย ด้วยสโลแกนประจำรุ่นคือ "Pro Photography in Pocket" โดยครั้งนี้ได้ทำการอัปเกรดชุดใหญ่ทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ถ่ายภาพจริงจัง ไปจนถึงการใช้งานในระดับมืออาชีพ เริ่มจากเซนเซอร์กล้องหลักด้านหลังความละเอียด 50MP ที่มีขนาดใหญ่ถึง 1 นิ้วเต็ม ๆ ทำให้รับแสงได้มากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนใน X Series เรียกว่าเป็นสมาร์ตโฟนกล้องเซนเซอร์ 1 นิ้วเพียงรุ่นเดียวในไทยของ vivo โดยร่วมมือกับ ZEISS ในการพัฒนาโปรไฟล์ภาพแบบเฉพาะ และสารเคลือบเลนส์กันแสงสะท้อน พร้อมกันนี้ยังมากับกล้อง Portrait โดยเฉพาะที่มีความละเอียดมากถึง 50MP และชิป V2 ที่ช่วยประมวลผลภาพด้วย AI ยกระดับการถ่าย Portrait ขึ้นไปอีกขั้น ปิดท้ายด้วยกล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12MP สำหรับเก็บภาพมุมกว้าง และ Macro ในตัวเดียวกัน เพื่อตอบสนองการถ่ายภาพให้ครบทุกระยะทุกสไตล์

vivo X90 Pro 5G มาในดีไซน์หรูหล่อเข้มภูมิฐาน ด้วยฝาหลังวัสดุหนังเทียม Premium Vegan Leather ในสีดำ Legendary Black ด้านหน้าเป็นหน้าจอแบบขอบโค้งที่ดูพรีเมียมสมฐานะเรือธง โดยเป็นจอแบบ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2800×1260 พิกเซล) พร้อมอัตราการรีเฟรช 120Hz, สามารถรองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10+ และแสดงสีได้ในระดับพันล้านสี โดยมีกล้องหน้าแบบเจาะรูความละเอียด 32MP ติดตั้งมาให้เช่นเดิม

ในเชิงประสิทธิภาพ vivo X90 Pro 5G เลือกใช้ชิปเซ็ตตัวท็อปอย่าง MediaTek Dimensity 9200 ที่มีความแรงอยู่ในระดับแถวหน้าของวงการ พร้อมหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5X ขนาด 12GB และ ROM แบบ UFS 4.0 ขนาด 256GB ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ล่าสุดทั้งคู่ จึงทำงานได้อย่างรวดเร็วฉับไว นอกจากนี้ยังมากับระบบชาร์จไวพิเศษแบบ 120W FlashCharge อีกด้วย ส่วนฟีเจอร์อื่น ๆ ก็นับว่าครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ, ลำโพงเสียงแบบคู่, Bluetooth 5.3, Wi-Fi 6 และอื่น ๆ ที่สมาร์ตโฟนเรือธงควรจะมี

เมื่อทราบความสามารถคร่าว ๆ ของเรือธงรุ่นนี้กันแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมในรีวิว vivo X90 Pro 5G กันต่อได้เลยครับ


เปิดกล่อง ส่องอุปกรณ์ด้านในของ vivo X90 Pro 5G


vivo X90 Pro 5G มาในกล่องสีดำสุดหรู ภายในจะมีตัวเครื่อง และกล่องเล็กอีก 2 กล่อง โดยกล่องบางจะเก็บเข็มถอดถาดซิมการ์ด, คู่มือการใช้งาน, ใบรับประกัน และเคสใส ส่วนกล่องหนาจะมีสาย USB-C (เป็นหัว USB-C ทั้งสองด้าน) และอแดปเตอร์ชาร์จไว 120W FlashCharge พร้อมใช้งานทันที ชาร์จไวเต็มสปีด ไม่ต้องหาซื้อเพิ่มให้ยุ่งยาก

ดีไซน์หรูหล่อเข้ม เปี่ยมกลิ่นอายแห่งความเป็นมืออาชีพ

vivo X90 Pro 5G มีตัวเครื่องขนาดเต็มไม้เต็มมือ ขอบด้านข้างโค้งมนรับกับอุ้งมือช่วยให้ถือง่ายขึ้น มีน้ำหนัก 214.85 กรัม นับว่าไม่หนักมากสำหรับสมาร์ตโฟนเรือธง ดีไซน์โดยรวมจะคล้ายกับ vivo X80 Pro 5G แต่กล้องหลังจะใหญ่ขึ้นอย่างชัดเจน และไม่มีฐานสี่เหลี่ยมแล้ว โดยใต้กล้องจะมีแถบโลหะ Skyline คาดขวางตัวเครื่อง พร้อมสลักข้อความ Xtreme Imagination

 

ทั้งนี้ vivo X90 Pro 5G ใช้การออกแบบโดยยึดสัดส่วนทองคำ (Golden Ratio) ให้ความสำคัญกับความสมดุลและความสอดคล้องของทุกองค์ประกอบ โดยโครงสร้างโดยรวมจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากพระอาทิตย์ขึ้น (สังเกตได้จากการจัดวางกล้องหลัง และแถบโลหะสีเงิน) ส่วนตัวกล้องจะรวมทุกเลนส์เข้าไว้ด้วยกันในคอนเซ็ปต์ Big Eye สีดำสนิท พร้อมวงแหวน Halo Ring ที่ผลิตจากสแตนเลสสตีล ซึ่งช่วยลดการหลุดลอกของสี จึงดูเป็นโมดูลกล้องที่โดดเด่นสะดุดตา ด้านวัสดุของฝาหลังนั้นเป็นหนังเทียม Premium Vegan Leather หรูหราสวยงาม และให้ความรู้สึกที่ดูเป็นมืออาชีพ จับแล้วไม่ลื่น ไม่เป็นรอยนิ้วมือ นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังมีคุณสมบัติของการทนน้ำ-ทนฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 อีกด้วย โดยสีที่วางจำหน่ายในไทย ณ ตอนนี้จะมีสีเดียวคือสี Legendary Black

 

กล้องหลังยื่นออกมาค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นธรรมดาของสมาร์ตโฟนเรือธงที่ใช้เซนเซอร์กล้องขนาดใหญ่ และยังมีโมดูลอื่น ๆ อีกหลายอย่างอยู่ด้านใน ชุดกล้องหลังประกอบด้วยกล้อง 3 ตัว มุมขวาล่างเป็น Laser Focus ซึ่งเราจะมาเจาะลึกรายละเอียดของกล้องแต่ละตัวกันในส่วนต่อไป

 

ส่วนของตัวเครื่องด้านหน้า vivo X90 Pro 5G จะเป็นหน้าจอขอบโค้งที่ดูสวยหรูขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2800×1260 พิกเซล) โดยเป็นจอแบบ AMOLED ที่รองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz พร้อมความสว่างสูงสุดในระดับ 1300 nits จึงสู้แสงแดดได้ดี โดยด้านบนเป็นกล้องหน้าแบบเจาะรูฝังใต้จอ (Punch Hole) ความละเอียด 32MP พร้อมรูรับแสงขนาด f2.45 โดยหน้าจอนี้ผลิตด้วยวัสดุเรืองแสงแบบ Q9 Luminescent ที่ให้ความสว่างสูงขึ้น และประหยัดพลังงานด้วยในตัว

 

สำหรับปุ่มล็อกหน้าจอ กับปุ่มปรับเสียงจะอยู่ที่ขอบด้านขวา

 

ขอบด้านบนพิมพ์ข้อความ Professional Photography พร้อมไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน และ IR Blaster สำหรับยิงลำแสงอินฟาเรด ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้กับหลายแอปพลิเคชัน เพื่อใช้เป็นรีโมตควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า หรืออื่น ๆ ได้

 

ขอบด้านล่างมีช่องใส่ซิมการ์ด, ไมโครโฟนหลัก, ลำโพงเสียงตัวที่สอง และพอร์ต USB-C ซึ่งเป็น USB 3.2 Gen 1 โดยสิ่งที่น่าสนใจคือระบบเสียงจะเป็นลำโพงเสียงแบบคู่ (Dual Stereo Speaker) ซึ่งเสียงจะออกทางช่องลำโพงด้านล่าง และช่องลำโพงสนทนาด้านบน

 

ถาดใส่ซิมนั้นเป็นแบบ Dual Nano SIM หรือจะเลือกใช้เป็น Nano SIM คู่กับ eSIM ก็ได้

กล้องถ่ายภาพ ZEISS เอาใจมืออาชีพ ด้วยเซนเซอร์รับภาพ 1 นิ้วรุ่นแรกในไทย

ชุดกล้องหลัง 3 ตัวของ vivo X90 Pro 5G นั้นถือว่าโดดเด่นในระดับแนวหน้าเลยทีเดียว ด้วยดีไซน์แบบ Big Eye ที่รวมทุกกล้องไว้ด้วยกัน คล้ายเป็นดวงตาขนาดใหญ่ พร้อมล้อมรอบด้วยวงแหวน Halo Ring ที่ผลิตจากสแตนเลสสตีล ซึ่งช่วยลดการหลุดลอกของสี โดยกล้องทั้ง 3 ตัวจะประกอบไปด้วย

1. กล้อง Wide (Main) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์ ZEISS, เซนเซอร์รับภาพ Sony IMX989 ขนาด 1 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.6 ไมครอน (หรือ 3.2 ไมครอน ในแบบ 4-in-1 Pixel Binning), รูรับแสงขนาด f1.75, ทางยาวโฟกัส 23 มิลลิเมตร, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS (CIPA Level 4), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Dual Pixel PDAF+Laser AF และโครงสร้างชิ้นเลนส์แบบ 1G+7P
2. กล้อง Portrait ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX758 ขนาด 1/2.51 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.7 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.6, ทางยาวโฟกัส 50 มิลลิเมตร, ระยะซูมแบบ 2x Optical Zoom, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และระบบโฟกัสอัตโนมัติ
3. กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX663, รูรับแสงขนาด f2.0, ทางยาวโฟกัส 16 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 108°) และระบบโฟกัสอัตโนมัติ

และสำหรับในตำแหน่งที่ 4 ตามภาพข้างต้นก็คือเซนเซอร์ Laser Autofocus ซึ่งจะช่วยให้การโฟกัสมีความรวดเร็วแม่นยำมากขึ้นในทุกสถานการณ์

โดยจะเห็นว่าชุดกล้องนี้นอกจากทาง vivo จะได้พัฒนาร่วมกับ ZEISS ผู้นำแห่งเลนส์ระดับโลกสัญชาติเยอรมัน แล้วก็ยังเลือกใช้เซนเซอร์ระดับท็อปจาก Sony ในกล้องทุกตัวอีกด้วย โดยเฉพาะเซนเซอร์ Sony IMX989 ขนาด 1 นิ้ว ในกล้องหลักนั้นถือว่าเป็นเซนเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่มีจำหน่ายในประเทศไทยตอนนี้ ซึ่งเซนเซอร์ที่ใหญ่จะยิ่งรับแสงได้มาก ทำให้ถ่ายภาพกลางคืนได้สว่างคมชัดยิ่งขึ้น และสำหรับสัญลักษณ์ T* (T-star) สีแดง ที่อยู่ตรงกลางนั้นหมายถึง ZEISS T* (T-star) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการเคลือบเลนส์แบบเฉพาะของ ZEISS ที่ช่วยให้ภาพมีสีสันที่แม่นยำยิ่งขึ้น พร้อมลดการเกิด Ghosting, Flares, Stray Light หรือแสงสะท้อนเลนส์กล้องในเวลากลางคืน

 

และที่ขาดไม่ได้คือชิป vivo V2 ที่ช่วยประมวลผลภาพและวิดีโอโดยตรง เพิ่มความคมชัดในทุกสภาพแสง พร้อมประสิทธิภาพในการลด Noise ที่อัปเกรดขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า

นอกจากฮาร์ดแวร์แล้ว vivo ยังได้ร่วมมือกับ ZEISS พัฒนาซอฟต์แวร์ที่ทำให้รูปถ่าย และวิดีโอดูสวยงามขึ้น และมีโปรไฟล์ภาพคล้ายกับกล้องโปร โดยมีฟีเจอร์สำคัญ ๆ คือ

 

ฟีเจอร์ใหม่ ZEISS Cine-flare Portrait ที่ช่วยสร้างแสงแฟลร์แบบกล้องโปร (เหมาะกับการถ่ายย้อนแสง หรือแสงจ้า)

 

  • 5 ฟีเจอร์โบเก้พื้นฐานตามแบบฉบับ ZEISS ซึ่งเคยมีในรุ่น X80 Series มาแล้ว ได้แก่ Biotar, Planar, Distagon, Sonnar และ Cinematic ที่สำคัญคือในรุ่นนี้ทั้ง 5 ฟีเจอร์นี้จะใช้กับกล้องหน้าได้แล้วด้วย

  • 4K Ultra-Sensing Night Video / 4K HDR Night Video ซึ่งเป็น AI ช่วยถ่ายวิดีโอกลางคืนให้สว่างขึ้น ช่วยลด Noise เพิ่มความคมชัด พร้อมปรับโทนแสงให้เป็นธรรมชาติ

  • โหมดย่อย Super Moon ซึ่งมาจากการอัปเกรดฟีเจอร์การถ่ายภาพกลางคืนเป็น Super Night 3.0 ทำให้ถ่ายภาพดวงจันทร์ได้

  • ฟีเจอร์ Zero-Shutter-Lag Motion Snapshot เก็บภาพได้คมชัด ด้วย Shutter Speed ความเร็วสูง

  • ZEISS Landscape & Architecture Mode / ZEISS Miniature Effect โหมดถ่ายอาคารสถาปัตยกรรมที่จะปรับมุมมองของอาคารให้ตรงโดยอัตโนมัติ และเอฟเฟกต์ที่ช่วยให้การถ่ายภาพของจริง ให้ดูเหมือนเป็นของเล่น

  • Handheld Astro โหมดย่อยสำหรับถ่ายดวงดาวในเวลากลางคืนโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง


ตัวอย่างภาพถ่ายจาก vivo X90 Pro 5G

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดอัตโนมัติ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดภูมิทัศน์ และสถาปัตยกรรม

ตัวอย่างภาพถ่ายมุมกว้างพิเศษ (Ultra Wide)

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Macro

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดกลางคืน

ตัวอย่างฟิลเตอร์แบบต่าง ๆ สำหรับโหมดกลางคืน

 

กล้องหน้าสวยคมชัดเช่นเดิม ด้วยความละเอียดระดับ 32MP

สำหรับกล้องหน้าของ vivo X90 Pro 5G นั้นก็ยังคงเลือกใช้ชุดกล้องเดียวกับรุ่นพี่อย่าง vivo X80 Pro 5G ซึ่งก็ถือว่าทำผลงานได้ดีอยู่แล้ว เรื่องเซลฟี่หายห่วง รับรองว่าทำให้เราสวยหล่อขึ้นได้ไม่ยากตามมาตรฐาน vivo ด้วยเซนเซอร์รับภาพความละเอียดสูง 32 ล้านพิกเซล ขนาด 1/2.8 นิ้ว พร้อมรูรับแสงขนาด f2.45 ส่วนการบันทึกวิดีโอยังคงรองรับที่ความละเอียดสูงสุดเพียงระดับ 1080P FHD (30/60 fps) เช่นเดิม ซึ่งหากสามารถบันทึกแบบ 4K ได้ด้วยก็คงจะดีไม่น้อย

 

ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่จากกล้องหน้า


ตัวอย่างคลิปวิดีโอ 4K ในตอนกลางคืน

ประสิทธิภาพเร็วแรงทะลุล้าน พร้อม UI/UX ปรับปรุงใหม่

ด้วยความที่เป็นถึงระดับเรือธง vivo X90 Pro 5G จึงมีพลังการประมวลผลที่ยอดเยี่ยม ลื่นไหล คล่องตัวเป็นพิเศษทุกการใช้งาน โดยรุ่นนี้เลือกใช้ชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek Dimensity 9200 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตระดับเรือธง เรียกว่าประสิทธิภาพอยู่ในระดับเดียวกับชิปตัวท็อปใหม่ล่าสุดของอีกค่ายอย่าง Snapdragon 8 Gen 2

สำหรับหน่วยความจำในตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5X ขนาดใหญ่ถึง 12GB กับหน่วยความจำ ROM แบบ UFS 4.0 ขนาด 256GB ซึ่งเป็นมาตรฐานล่าสุด จึงมีความเร็วในการอ่าน-เขียนข้อมูลสูง สังเกตจากการเปิดแอปที่รวดเร็วทันใจ และช่วยให้เปิดแอปไว้ในพื้นหลังได้หลายตัว โดยเฉพาะหากเปิดใช้ฟีเจอร์ Extended RAM 3.0 ที่เพิ่ม Virtual RAM ได้สูงสุด 8GB ด้วยแล้ว ก็จะรองรับการทำงานพร้อมกันมากถึง 36 แอปพลิเคชันเลยทีเดียว

 

ส่วนซอฟต์แวร์ภายในจะเป็น Funtouch OS 13 ที่พัฒนาอยู่บนพื้นฐานของ Android 13 ซึ่งมีดีไซน์สะอาดตา ทำงานเข้ากับชิปเซ็ต Dimensity 9200 ได้อย่างราบรื่น โดยมีฟีเจอร์น่าสนใจ เช่น

  • เปลี่ยนสีไอคอนบนหน้าโฮม และ UI ระบบให้เข้ากันกับภาพพื้นหลังที่ชอบ

  • ระบบปักหมุดหน้าจอ มือถือจะแสดงเฉพาะหน้าที่ถูกปักหมุดเท่านั้น หากต้องการปัดไปหน้าอื่นจะต้องใส่รหัส เพิ่มความปลอดภัยเวลาที่เรายื่นมือถือให้ใครสักคนดูอะไรบางอย่าง ไม่สามารถปัดจอไปแอปดูอย่างอื่นในเครื่องได้

  • ตัววัดคุณภาพอากาศ AQI ติดมากับระบบ ตรวจสอบได้ตลอดเวลา อัปเดตแบบ Real-Time

สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพด้วยแอปพลิเคชัน Benchmark ยอดนิยม จะได้ผลคะแนนดังนี้

เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench 6 ก็พบว่าจะได้คะแนนในส่วนของ Single-Core อยู่ที่ 1,689 คะแนน และได้คะแนนในส่วนของ Multi-Core อยู่ที่ 3,885 คะแนน

 

เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของการทำงานด้วยโดยรวมด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ก็พบว่าจะได้คะแนนรวมอยู่ที่ 1,206,295 คะแนน

 

เล่นเกมลื่นไหล กราฟิกโหดแค่ไหนก็เอาอยู่

ในส่วนของการเล่นเกมนั้นทางทีมงานได้เลือกทดสอบด้วยเกมรีดพลังกราฟิกอย่าง Genshin Impact และเกมสามัญประจำเครื่องอย่าง PUBG Mobile โดยตั้งค่ากราฟิกไว้ที่ระดับสูงถึงสูงมาก และเปิดเฟรมเรต 60 fps ซึ่งผลที่ออกมาก็น่าประทับใจมากทีเดียวครับ เพราะสามารถเล่นทั้งสองเกมได้แบบลื่น ๆ ด้วยเฟรมเรตคงที่ ไม่เจออาการเฟรมเรตตกเลย ส่วนการควบคุมก็มีการตอบสนองที่ฉับไว สั่งได้ดั่งใจ ทำให้ vivo X90 Pro 5G เป็นสมาร์ตโฟนที่เล่นเกมได้เพลินมาก ๆ สมฐานะเรือธงปี 2023 สำหรับความร้อนก็ไม่มีปัญหาเพราะถึงแม้จะเล่นเกมที่รีดพลังกราฟิกหนัก ๆ ตัวเครื่องก็ยังแค่อุ่น ๆ ไม่ถึงกับร้อนมาก

 

สำหรับฟีเจอร์ช่วยเล่นเกมอย่าง Ultra Game Mode จะคล้ายกับของแบรนด์อื่น ๆ โดยมีโหมด BOOST เพิ่มความแรงในการเล่นเกม ซึ่งระบบจะให้ความสำคัญกับการประมวลผลเกมเป็นอันดับแรก และโหมดประหยัดพลังงานที่เน้นการเล่นเกมแบบมาราธอน รวมไปถึงการปล่อยเล่นแบบปิดจอสำหรับเปิดบอทฟาร์มของ และอื่น ๆ เป็นลูกเล่นที่ช่วยให้การเล่นเกมสนุก และสะดวกขึ้น นอกจากนี้ก็ยังมีลำโพงเสียงแบบคู่ ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ระบบสั่นแบบ X-Axis Linear ซึ่งจะช่วยให้เราสนุกเพลิดเพลินไปกับการเล่นเกมมากยิ่งขึ้น

 

แบตเตอรี่อึดทน พร้อมพลังชาร์จเร็วแรงระดับ 120W

แบตเตอรี่ของ vivo X90 Pro 5G นั้นเป็นแบบ Dual Cell นั่นคือแบ่งเป็น 2 ก้อน ก้อนละ 2435 mAh รวมกันเป็นความจุ 4870 mAh ซึ่งไม่มากไม่น้อยสำหรับเรือธงในยุคปัจจุบัน ที่สำคัญคือรองรับระบบชาร์จไวแบบ 120W FlashCharge ซึ่งเร็วเป็นอันดับต้น ๆ ในประเทศไทย ณ ตอนนี้

โดยจากการทดสอบเล่นเกมประมาณ 1 ชั่วโมงแบบเปิดกราฟิกระดับสูง แบตเตอรี่ลดลงไปเพียงแค่ประมาณ 15% ดังนั้นหากไม่เล่นเกมติดต่อกันหลายชั่วโมง ก็สามารถอยู่ข้ามวันได้อย่างสบาย

สำหรับระบบการชาร์จ จากข้อมูลของ vivo ระบบ 120W FlashCharge นั้นใช้เวลาเพียง 8 นาที 10 วินาที ก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ถึง 50% และเราได้ทำการทดสอบการชาร์จจริงด้วยการชาร์จจาก 2% จนเต็ม 100% ผลปรากฏว่าใช้เวลาไปเพียง 27 นาทีเท่านั้น ซึ่งรวดเร็วทันใจเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ความเร็วในการชาร์จขึ้นอยู่กับกระแสไฟฟ้า และปัจจัยอื่น ๆ ณ ขณะชาร์จด้วย ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ครับ

 

ใช้งานแบบไม่กลัวร้อน ด้วยระบบระบายความร้อนใหญ่พิเศษ

ด้วยฟีเจอร์ระดับสูงที่มีมาให้ใช้งานมากมาย ขณะใช้งานก็ย่อมเกิดการประมวลผลอย่างหนัก และแน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือความร้อน แต่สำหรับ vivo X90 Pro 5G ก็คงไม่ต้องกังวลมากนัก เพราะภายในนั้นมีการติดตั้งระบบระบายความร้อนแบบ Ultra Large Vapor Chamber Liquid Cooling System ซึ่งมีพื้นที่ของ Vapor Chamber ใหญ่ถึง 4,002 ตารางมิลลิเมตร และมีพื้นที่รวมทั้งหมดของระบบระบายความร้อนมากถึง 56,422 ตารางมิลลิเมตร

 

ราคา, โปรโมชัน และการวางจำหน่ายของ vivo X90 Pro 5G

ล่าสุดวันนี้ (19 พฤษภาคม 2566) ทาง vivo (ประเทศไทย) ก็ได้เปิดตัว vivo X90 Pro 5G ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมประกาศราคาจำหน่ายออกมาแล้ว โดยอยู่ที่ 39,999 บาท พร้อมโปรโมชันพิเศษ ทุก ๆ การสั่งซื้อ รับฟรีของสมนาคุณรวมมูลค่ากว่า 13,998 บาท ได้แก่ EVIP Card ประกันหน้าจอแตก 2 ปี 1 ครั้ง + ประกันตัวเครื่อง 2 ปี มูลค่า 10,999 บาท และแท่นชาร์จไร้สาย (vivo 50W Vertical Wireless Flash Charger) มูลค่า 2,999 บาท

 

หรือหากสั่งซื้อกับผู้ให้บริการเครือข่าย ทั้ง AIS, True และ dtac สามารถซื้อพร้อมแพ็กเกจได้ในราคาพิเศษ เริ่มต้นที่ 25,999 บาท (dtac), 29,999 บาท (True) หรือ 30,999 บาท (AIS) พร้อมผ่อนดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 36 เดือน และของสมนาคุณอีกหลายรายการดังภาพข้างต้น

ท่านใดสนใจจับจองเป็นเจ้าของ vivo X90 Pro 5G รุ่นนี้ สามารถแวะไปได้ที่ vivo Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ

 

สรุปประสบการณ์หลังใช้งาน vivo X90 Pro 5G

หลังจากที่มีโอกาสได้ใช้งาน vivo X90 Pro 5G มาระยะหนึ่ง ก็พบว่านี่คือสมาร์ตโฟนเรือธงที่สืบทอดจุดแข็งเดิมมาจากรุ่นก่อน และนำมาต่อยอดให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องดีไซน์ และการถ่ายภาพ อาจเรียกได้ว่า vivo X90 Pro 5G คือผลงานชิ้นเอกตัวล่าสุดที่เกิดจากการขัดเกลาเรือธง X Series ทุกรุ่นที่ผ่านมาก็ว่าได้

vivo ดูจะให้ความสำคัญกับดีไซน์ของเรือธงรุ่นนี้อย่างมาก โดยจัดวางโครงสร้างต่าง ๆ ตามหลักสัดส่วนทองคำหรือ Golden Ratio จึงมีดีไซน์ที่ลงตัว เหมาะกับผู้ใช้ทั้งชาย และหญิง ฝาหลังที่เลือกใช้วัสดุ Premium Vegan Leather ทำให้ตัวเครื่องดูดีมีความหรูพรีเมียม อีกทั้งยังกันรอยขีดข่วนได้ดี และไม่เป็นรอยนิ้วมือ จึงไม่ต้องคอยดูแลทำความสะอาดบ่อย ๆ พร้อมสำหรับการใช้งานหนัก เช่นการถ่ายรูปหรือวิดีโอแบบต่อเนื่อง หรือการใช้ถ่ายแบบโปรดักชั่นต่าง ๆ ตามคอนเซ็ปต์ของตัวเครื่องที่เน้นประสบการณ์การใช้งานในระดับมืออาชีพ

ไม่เพียงแค่ด้านหลังเท่านั้น ที่ด้านหน้ายังเลือกใช้งานหน้าจอแบบขอบโค้ง ซึ่งช่วยเสริมภาพลักษณ์ของความพรีเมียมหรูหราได้เป็นอย่างดี และยังแสดงผลได้ยอดเยี่ยมอีกด้วย โดยเป็นจอแบบ AMOLED FHD+ ขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว ที่ใช้การจัดเรียงพิกเซลแบบ Blue Diamond พร้อมอัตราการรีเฟรชสูงสุดที่ 120Hz, เทคโนโลยี 2160Hz Pulse-Width Modulation (PWM), วัสดุเรืองแสงแบบ Q9 Luminescent, แสดงผลสีได้ 1.07 ล้านสี และฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง

ประสิทธิภาพการทำงานของ vivo X90 5G นับว่าทรงพลังสมฐานะเรือธง โดยมีหัวใจการประมวลผลเป็น MediaTek Dimensity 9200 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตระดับท็อปของค่าย และมีความเร็วการประมวลผลสูงมากอยู่แล้ว เมื่อทำงานร่วมกับหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5X และ ROM แบบ UFS4.0 ที่มีอัตราการอ่าน-เขียนข้อมูลสูง ก็ยิ่งทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นไปอีก จึงทำงานได้อย่างราบรื่นภายใต้การใช้งานทุกรูปแบบ รวมไปถึงการเล่นเกมที่สามารถรับมือกับเกมเกรด A+ ที่กินทรัพยากรเครื่องสูง ๆ ได้สบาย

 

ด้านการถ่ายภาพของ vivo X90 Pro 5G จัดว่ายอดเยี่ยมไม่แพ้เรือธงรุ่นอื่น ๆ ในปัจจุบัน สมกับการพัฒนาร่วมกับ ZEISS โดยเฉพาะการถ่ายภาพแนว Portrait ซึ่งเป็นจุดแข็งของ vivo อยู่แล้ว ซึ่งในคราวนี้ vivo ก็ได้อัปเกรดต่อยอดให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการเลือกใช้เซนเซอร์กล้องหลักที่มีขนาดใหญ่ถึง 1 นิ้วเต็ม ๆ และใช้กล้อง Portrait ความละเอียดสูงเข้ามาเสริม พร้อมทั้งอัปเกรดระบบการประมวลผลภาพใหม่ ส่งผลให้มีสีผิวที่เที่ยงตรง และให้โทนที่ดูอิ่ม ดูมีชีวิตชีวาไม่ซีดเซียว การเบลอฉากหลังทำได้แนบเนียน คุณภาพของรูปถ่ายโดยรวมประทับใจ ภาพที่ออกมามีพร้อมลูกเล่นอันเป็นเอกลักษณ์อย่าง ZEISS Bokeh Style ทั้ง 5 แบบ ทำให้สามารถสร้างสรรค์ไอเดียการถ่าย Portrait ได้หลากหลาย ใครที่ชอบการถ่าย Portrait รับรองว่า vivo X90 Pro 5G ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน

ส่วนการถ่ายภาพทั่วไป vivo X90 Pro 5G จะมีโปรไฟล์ภาพของ ZEISS ช่วยให้โทนสีของภาพดูดีขึ้น อีกทั้งยังเก็บรายละเอียดในส่วนที่เป็นเงามืดได้มากขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากเซนเซอร์รับภาพขนาด 1 นิ้วของกล้องหลักที่รับแสงได้มากกว่าเดิม นอกจากนี้ชัตเตอร์ยังทำงานเร็วมาก แตะปุ๊บติดปั๊บ ทำให้ผู้ใช้กะจังหวะได้ง่าย และแม่นยำ เหมาะกับการถ่ายรูปแบบ Action ที่มีการเคลื่อนไหวหรือมีความเร็วสูง เช่น กีฬา หรือถ่ายจังหวะนกบิน เป็นต้น

อีกโหมดหนึ่งที่ทำได้ดีขึ้นอย่างชัดเจนคือโหมดการถ่ายภาพกลางคืน ซึ่งเก็บรายละเอียดในจุดที่มืดได้มากขึ้น คมชัดขึ้น และใช้เวลาเปิดหน้ากล้องรับแสงน้อยลง แม้ในสภาวะที่มีแสงน้อยมากก็ดึงความสว่างออกมาได้ นอกจากนี้ยังมีโหมดย่อยอื่น ๆ อย่างเช่น Super Moon หรือโหมดถ่ายดวงจันทร์เพิ่มเข้ามาให้ใช้งานด้วย ถึงแม้จะซูมได้ไกลสุดแค่ 40x แต่ก็เพียงพอที่จะเก็บภาพดวงจันทร์สวย ๆ ได้ หรือโหมดถ่ายดาวที่ใช้งานง่ายเพราะไม่จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้องร่วมด้วย

 

การรับแสงที่ดีขึ้นยังส่งผลมาถึงการถ่ายวิดีโอด้วย ด้วยฟีเจอร์ 4K Ultra-Sensing Night Video กับ 4K HDR Night Video ซึ่งเท่าที่ทีมงานทดสอบด้วยการถ่ายวิดีโอ 4K ในเวลากลางคืนก็พบว่า vivo X90 Pro 5G จะปรับตัวให้เข้ากับสภาวะแสงโดยอัตโนมัติ ทำให้เก็บรายละเอียดได้ดีแม้สภาพแสงจะไม่คงที่ อีกทั้งระบบกันสั่นยังมีประสิทธิภาพ แม้จะเดินถ่ายด้วยมือก็ยังนิ่ง

นอกจากนี้ ยังมีโหมดการถ่ายรูปอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่นฟีเจอร์ถ่ายอาคารสถาปัตยกรรมที่ช่วยปรับมุมมองของตัวอาคารให้ตรงโดยอัตโนมัติ, โหมดมาโคร (ใช้กล้อง Ultra Wide), โหมดโปร และอื่น ๆ เรียกได้ว่าให้ลูกเล่นการใช้งานมาแบบจัดเต็มเป็นพิเศษ

สำหรับการถ่ายเซลฟี่ด้วยกล้องหน้า ตัวกล้องหน้ามีความละเอียดค่อนข้างสูง โดยเป็นชุดกล้องเดียวกับรุ่นที่แล้วอย่าง vivo X80 Pro 5G นั่นเอง ซึ่งมีความละเอียดอยู่ที่ 32MP เรื่องคุณภาพของรูปถ่ายโดยรวมอยู่ในระดับที่น่าประทับใจเช่นเคย และยังใช้ ZEISS Bokeh Style แบบกล้องหลังได้ ทำให้การเซลฟี่สนุกและหลากหลายมากขึ้น

ซึ่งฟีเจอร์ทั้งหมดนี้เราสามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่แต่อย่างใด เพราะแบตเตอรี่มีความจุมากพอสมควรที่ 4870 mAh ซึ่งสามารถใช้งานทั่วไปได้ยาวนานตลอดวัน และต่อให้ใช้งานแบบหนักหน่วงก็รับไหว เพราะสามารถชาร์จกลับเข้าเครื่องได้รวดเร็วเป็นพิเศษด้วยพลังชาร์จ 120W FlashCharge นั่นเอง

จากทั้งหมดที่กล่าวมา vivo X90 Pro 5G คือสมาร์ตโฟนเรือธงที่ยังคงโดดเด่นเรื่องการถ่ายภาพแนว Portrait เหมือนเดิม แต่อัปเกรดให้ดีขึ้นไปอีกระดับ พร้อมลูกเล่นการถ่ายภาพที่ครอบคลุมมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในระดับมืออาชีพได้ดีขึ้น รวมทั้งมีการประมวลผลที่เร็วแรง และแบตเตอรี่ที่ชาร์จไวทันใจเป็นพิเศษ ในราคาที่พอจะเอื้อมถึงได้ครับ

สรุปจุดเด่น และคุณสมบัติเด่นของ vivo X90 Pro 5G


 

– ดีไซน์ตามสัดส่วนทองคำ (Golden Ratio) โดยรวมดูโดดเด่นหรูหล่อเข้ม วัสดุพรีเมียม ให้ความรู้สึกเป็นมืออาชีพ

ด้านหลังตัวเครื่องมีแถบคาดแบบ Skyline พร้อมหุ้มด้วยหนังเทียม Premium Vegan Leather
– ดีไซน์กล้องหลังแบบ Big-Eye พร้อมวงแหวน Halo Ring ที่ผลิตจากสแตนเลสสตีลซึ่งช่วยลดการหลุดลอกของสี
– ระบบระบายความร้อนแบบ Ultra Large Vapor Chamber Liquid Cooling System
– ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการทนน้ำ และทนฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68

——————————-

– จอแสดงผลแบบ AMOLED Punch Hole Display ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2800×1260 พิกเซล : 452 PPI)
– เทคนิคการจัดเรียงพิกเซลแบบ Blue Diamond
– อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 120Hz
– เทคโนโลยี 2160Hz Pulse-Width Modulation (PWM) สำหรับช่วยถนอมสายตาจากการกะพริบของหน้าจอ พร้อมซอฟต์แวร์ป้องกันดวงตา Vision Health Lab
– ใช้วัสดุเรืองแสงแบบ Q9 Luminescent ที่ให้ความสว่างสูงขึ้น และประหยัดพลังงาน
– แสดงผลสีได้ 1.07 ล้านสี (10-bit)
– ความสว่างสูงสุด 1300 nits
– ค่า Contrast Ratio 8,000,000:1
– ฟีเจอร์ Anti-Fatigue Brightness Adjustment, Smart Eye Protection Mode และ XDR Engine

——————————

– ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9200
– หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Immortalis-G715 MC11
– หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR5X ขนาด 12 GB
– ฟีเจอร์ Extended RAM 3.0 สำหรับช่วยเพิ่มขนาดหน่วยความจำ RAM เสมือน (Virtual RAM) ได้สูงสุด 8 GB
– หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) แบบ UFS 4.0 ขนาด 256 GB
– ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 พร้อมครอบทับด้วย Funtouch OS 13

——————————

– แบตเตอรี่ความจุ 4870 mAh (Dual-Cell)
– ระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 120W FlashCharge (20V/6A)
– ชาร์จแบตเตอรี่ได้ 50% ภายในเวลา 8 นาที 10 วินาที หรือเต็ม 100% ภายในเวลา 29 นาที
– ระบบชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายความเร็วสูงแบบ 50W Wireless FlashCharge
– แถมอะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ 120W FlashCharge (20V/6A) มาให้ในกล่องพร้อมใช้งาน

——————————

กล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS ประกอบด้วย

– กล้อง Wide (Main) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์ ZEISS, เซนเซอร์รับภาพ Sony IMX989 ขนาด 1 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.6 ไมครอน (หรือ 3.2 ไมครอน ในแบบ 4-in-1 Pixel Binning), รูรับแสงขนาด f1.75, ทางยาวโฟกัส 23 มิลลิเมตร, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS (CIPA Level 4), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Dual Pixel PDAF+Laser AF และโครงสร้างชิ้นเลนส์แบบ 1G+7P
– กล้อง Portrait ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX758 ขนาด 1/2.51 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.7 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.6, ทางยาวโฟกัส 50 มิลลิเมตร, ระยะซูมแบบ 2x Optical Zoom, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และระบบโฟกัสอัตโนมัติ
– กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX663, รูรับแสงขนาด f2.0, ทางยาวโฟกัส 16 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 108°) และระบบโฟกัสอัตโนมัติ

รวมทั้งมีชุดเลนส์ ZEISS VARIO-TESSAR 1.6-2.0/16-50 ASPH., เทคโนโลยีการเคลือบเลนส์ ZEISS T* (T-star) Coating, เลนส์กระจก High-Transmittance, ชิปประมวลผลภาพ V2, ฟีเจอร์ Handheld Astro, Super Night View 3.0, ZEISS Cine-Flare Portrait, ZEISS Miniature Effect, ZEISS Natural Color 2.0, Nautical Blue Portrait, ZEISS Style Portrait, รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K UHD, ฟีเจอร์ ZEISS Cinamatic Video Bokeh, 4K Ultra-Sensing Night Video และ 4K HDR Night Video 

กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล

พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/2.8 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.45, ทางยาวโฟกัส 24 มิลลิเมตร และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 1080P FHD (1920×1080 พิกเซล : 30/60 fps)

——————————

– ลำโพงเสียงแบบคู่ (Dual Stereo Speaker)
– เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 6 กับ Wi-Fi 5 พร้อมรองรับทำงานแบบ Dual Band (2.4/5 GHz), Wi-Fi Display, 2×2 MIMO และ MU MIMO
– รองรับการใช้งานร่วมกับเครือข่าย 5G, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G GSM
– เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.3, NFC และมี IR Blaster สำหรับใช้เป็นรีโมตเครื่องใช้ไฟฟ้า
– ระบุตำแหน่ง และนำทางด้วยระบบดาวเทียม GPS+A-GPS, Glonass, Beidou, Galileo, QZSS และ NavIC
– พอร์ต USB Type-C (USB 3.2)
– มอเตอร์ระบบสั่นแบบ X-Axis Linear Motor

สรุปคุณสมบัติโดยละเอียด (สเปก) และราคา ของ vivo X90 Pro 5G

 

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ vivo X90 Pro 5G

 

– เครื่องมีความร้อนสูงเมื่อเปิดใช้งานกล้องเป็นเวลานาน

– ไม่รองรับการเพิ่มการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD หรือแบบอื่น ๆ
– ตัวเครื่องมีเพียง 1 สีให้เลือก (Legendary Black)


โปรดทราบ

* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางผู้ผลิต เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริง รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจถูกแก้ไขให้ดีขึ้นแล้วในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบ หรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่งเพื่อความมั่นใจ *


วันที่ : 19/05/2023