รีวิว Samsung Galaxy A14 | A14 5G มือถือ A Series ตัวคุ้มรุ่นอัปเกรด จอชัดขึ้น กล้องดีขึ้น เมมเยอะกว่า บนดีไซน์ปี 2023 โฉมใหม่ ในราคาเริ่มเพียง 5,999 บาท
 

สมาร์ตโฟน Samsung รุ่นเริ่มต้นที่หลายคนมักนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็คือสมาร์ตโฟนในตระกูล Galaxy A1x (Galaxy A Series ที่ขึ้นต้นด้วยเลข 1) ซึ่งหลังจากรุ่นต้นตระกูลอย่าง Galaxy A10 ได้เข้ามาเปิดตลาดในปี 2019 รุ่นน้องที่ตามมาก็ทำผลงานได้ดีมาอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดในปี 2023 นี้ ก็ถึงเวลาที่น้องใหม่อย่าง Galaxy A14 กับ Galaxy A14 5G จะออกมาวาดลวดลายบ้างแล้ว

สำหรับ Galaxy A14 กับ Galaxy A14 5G นั้นถูกอัปเกรดยกเครื่องใหม่หลายอย่างจากพี่น้องสายตรงในปีที่แล้วคือ Galaxy A13 กับ Galaxy A13 5G ให้มีความสมบูรณ์น่าใช้มากยิ่งขึ้น ตั้งแต่การปรับดีไซน์ภายนอกให้เป็นแบบใหม่ (All New Design) ตามสไตล์ของสมาร์ตโฟน Samsung ในปี 2023 ที่ดูคล้ายกับรุ่นเรือธงอย่าง Galaxy S23, ความละเอียดคมชัดของหน้าจอแสดงผลที่มากขึ้นเป็นระดับ FHD+ เพื่ออรรถรสด้านภาพที่ดีกว่าเดิม, กล้องถ่ายภาพด้านหน้าที่เปลี่ยนมาใช้เซนเซอร์ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล เพื่อให้ตอบโจทย์สายเซลฟี่ได้ดีกว่าเดิม และหน่วยความจำที่เยอะขึ้นเป็นขนาด 128GB เพื่อให้สามารถเก็บบันทึกข้อมูลได้จุใจกว่าเดิมอีกเท่าตัว

ส่วนคุณสมบัติพื้นฐานในด้านอื่น ๆ ที่ดีอยู่แล้ว ก็ยังคงถูกสืบทอดมาสู่รุ่นนี้ด้วย ทั้งชิปเซ็ตเดิมที่รองรับการใช้งานพื้นฐานได้ดี, เทคโนโลยี RAM Plus ที่ช่วยให้มีหน่วยความจำ RAM มากขึ้นเป็นแบบ 4GB+4GB รวมทั้งแบตเตอรี่ความจุสูงขนาด 5000 mAh ที่อึดทนใช้งานได้นานตลอดวัน เรียกว่าดูคุ้มค่าคุ้มราคามากยิ่งขึ้น โดย Galaxy A14 เคาะราคาจำหน่ายในไทยเริ่มต้นเพียงแค่ 5,999 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นราคาที่ใครก็เข้าถึงได้ ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ จะเป็นอย่างไร ทั้ง 2 รุ่นนี้จะแตกต่างกันในจุดไหน มาแวะชมกันได้เลยครับ

 

พลิกโฉมดีไซน์ใหม่แบบ All New Design สไตล์เรือธง

สำหรับสมาร์ตโฟนแบรนด์ Samsung รุ่นใหม่ที่เปิดตัวในปี 2023 นั้นได้มีการนำดีไซน์ของรุ่นเรือธงอย่าง Galaxy S23 Series มาใช้ ซึ่ง Galaxy A14 กับ Galaxy A14 5G ก็มีการปรับดีไซน์ใหม่เช่นกัน โดยจะเห็นว่ากล้องด้านหลังไม่มีกรอบสี่เหลี่ยมล้อมรอบกลุ่มของเลนส์กล้องแล้ว เหลือแค่เลนส์ 3 ตัวที่นูนเด่นออกมา พร้อมกับขอบด้านข้างที่ออกไปทางแบน ทำให้ดีไซน์โดยรวมมีความทันสมัยมากขึ้น

 

โดย Galaxy A14 Series จะมีให้เลือก 2 รุ่นคือ รุ่นที่รองรับเครือข่าย 4G LTE กับรุ่นที่รองรับเครือข่าย 5G ซึ่งความแตกต่างในด้านดีไซน์ระหว่าง 2 รุ่นนี้ก็คือ ฝาหลังของ Galaxy A14 จะเป็นลวดลายแนวเส้นตรง ในขณะที่ Galaxy A14 5G ผิวสัมผัสจะเรียบเนียนละเอียดกว่า ส่วนขนาดตัวเครื่อง และดีไซน์ส่วนอื่น ๆ จะเหมือนกันทั้งหมด จึงสามารถใช้เคสร่วมกันได้

 

สำหรับขอบด้านข้างตัวเครื่องจะเป็นสีโทนเดียวกับฝาหลัง ซึ่ง Galaxy A14 ที่เราได้มารีวิวนี้เป็นตัวเครื่องสีเงิน (Silver) ส่วน Galaxy A14 5G จะเป็นตัวเครื่องสีดำ (Black)

 

ถาดใส่ซิมการ์ดของทั้ง 2 รุ่นจะเป็นแบบ Triple Slot ซึ่งสามารถใส่ได้พร้อมกัน 3 ช่อง ทั้งซิมการ์ดที่ 1, ซิมการ์ดที่ 2 และ microSD Card ที่รองรับได้สูงสุด 1TB

 

พอร์ตการเชื่อมต่อเป็นพอร์ต USB-C รวมทั้งมีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรติดตั้งมาให้ด้วย ส่วนลำโพงเสียงนั้นเป็นลำโพงแบบเดี่ยว

 

หน้าจอคมชัด เพิ่มความละเอียดเป็นระดับ FHD+

สำหรับหน้าจอแสดงผลของทั้ง 2 รุ่นจะเป็นดีไซน์แบบ Infinity-V Display ขนาด 6.6 นิ้ว พร้อมความละเอียดคมชัดที่มากขึ้นเป็นระดับ FHD+ บนเทคโนโลยีหน้าจอแบบ PLS LCD ซึ่งให้สีสันที่สดใสกว่าหน้าจอแบบ LCD ส่วนจอจะเป็นจอขอบแบน แม้ว่าจะดูไม่พรีเมียมเท่าจอขอบโค้ง แต่ง่ายต่อการติดฟิล์ม หรือกระจกกันรอย

 

โดยความแตกต่างระหว่าง Galaxy A14 กับ Galaxy A14 5G ก็คือ Galaxy A14 5G จะรองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุดที่ 90Hz ทำให้การแสดงผลดูมีความลื่นไหลสบายตามากกว่า ส่วน Galaxy A14 จะรองรับอัตรารีเฟรชสูงสุดที่ 60Hz

 

กล้องละเอียดสูงถึง 50MP พร้อมฟีเจอร์ Auto HDR

ถึงแม้ว่าทั้ง 2 รุ่นจะมาพร้อมกล้องด้านหลัง 3 ตัวเหมือนกัน แต่ก็มีรายละเอียดที่ต่างกันเล็กน้อย โดย Galaxy A14 จะมาพร้อมกล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล สำหรับถ่ายภาพระยะใกล้ที่ 3-5 เซนติเมตร และกล้อง Ultra Wide ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล สำหรับถ่ายภาพมุมกว้าง

 

ส่วน Galaxy A14 5G จะมาพร้อมกล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล และกล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล เหมือนกับรุ่น Galaxy A14 แต่กล้องตัวที่ 3 จะเป็นกล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซลสำหรับช่วยละลายฉากหลังจากตัวแบบที่อยู่ด้านหน้าในโหมด Portrait นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังรองรับฟีเจอร์ Auto HDR ด้วย ทำให้ถ่ายภาพแบบย้อนแสงได้สบาย ๆ

 

ข้อสังเกตอีกอย่างสำหรับกล้องถ่ายรูปของทั้งสองรุ่นก็คือ Galaxy A14 5G จะมีโหมดถ่ายภาพที่ให้เลือกหลากหลายมากกว่า ซึ่งมีให้เลือกทั้งโหมดถ่ายภาพกลางคืน, Slow Motion และ Hyperlapse

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ Galaxy A14 และ Galaxy A14 5G

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดปกติที่ระยะ 1x

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดปกติที่ระยะ Ultra Wide (0.5x) (Galaxy A14)

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait (Galaxy A14 5G)

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Macro

 

ถ่ายเซลฟี่เพลิน ๆ ด้วยกล้องหน้าคมชัด 13MP

 

สำหรับกล้องด้านหน้าของทั้ง 2 รุ่น มีความละเอียดเท่ากันที่ 13 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.0 โดยสามารถถ่ายได้ทั้งภาพ Portrait หน้าชัดหลังเบลอ รวมถึงปรับโหมดบิวตี้ได้

 

ความจุเยอะ 128GB เมมเพิ่มอีกเท่าตัว ไม่ต้องกลัวเต็ม

*ภาพประกอบข้างต้นของ Galaxy A14 เป็นเพียงเครื่องทดสอบ โดยเครื่องที่วางจำหน่ายจริงจะมีหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง (ROM) ขนาด 128GB*

แม้จะเป็นสมาร์ตโฟนระดับเริ่มต้น แต่ทั้ง Samsung Galaxy A14 และ Galaxy A14 5G ต่างก็มีหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง (ROM) มาให้มากถึง 128GB นั่นคือเพิ่มขึ้นจาก Galaxy A13 มาอีกเท่าตัว (เดิมมี ROM 64GB) อีกทั้งยังสามารถใส่การ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD เพิ่มได้อีกสูงสุดถึง 1TB จึงสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน, เก็บรูปถ่าย รวมถึงคลิปวิดีโอได้อย่างเหลือเฟือ

 

ชิปเซ็ตตัวเก่ง เล่นเกมได้ ใช้งานไม่หน่วง

Samsung Galaxy A14 มาพร้อมกับชิปเซ็ตรุ่นเริ่มต้นอย่าง Exynos 850 จับคู่กับหน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB พร้อมมีฟีเจอร์ RAM Plus อีก 4GB จึงรองรับการใช้งานทั่วไปได้สบาย ๆ หรือจะเล่นเกมก็ยังพอไหว

 

ส่วน Samsung Galaxy A14 5G จะมาพร้อมกับชิปเซ็ต Dimensity 700 ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ แต่ในด้านการประมวลผลก็ยังทำได้ดี และลื่นกว่า Galaxy A14 อยู่เล็กน้อย อีกทั้งรุ่นนี้ยังได้หน้าจอที่มีอัตราการรีเฟรชสูงสุดที่ 90Hz ช่วยทำให้การเล่นเกมสบายตา และดูลื่นไหลมากกว่า Galaxy A14

 

และเมื่อทดสอบประสิทธิภาพในการประมวลผลด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu จะเห็นว่าคะแนนทดสอบที่ได้ต่างกันอยู่พอสมควร ซึ่ง Galaxy A14 5G ได้คะแนนมากกว่า รวมอยู่ที่ 280,327 คะแนน ส่วน Galaxy A14 ได้คะแนนรวมอยู่ที่ 152,209 คะแนน

 

ส่วนการทดสอบด้วยโปรแกรม Geekbench 6 จะเห็นว่า ฝั่งของ Galaxy A14 5G ก็ยังได้คะแนนทดสอบมากกว่า โดยได้คะแนนการประมวลผลแบบ Single-Core อยู่ที่ 680 คะแนน และคะแนนการประมวลผลแบบ Multi-Core อยู่ที่ 1,539 คะแนน ส่วนในฝั่งของ Galaxy A14 ได้คะแนนการประมวลผลแบบ Single-Core อยู่ที่ 218 คะแนน และคะแนนการประมวลผลแบบ Multi-Core อยู่ที่ 1,005 คะแนน

 

ด้วยประสิทธิภาพของชิปประมวลผลที่มี ทั้ง 2 รุ่นรองรับการเล่นเกมได้ทุกเกม และเล่นได้อย่างลื่นไหน แต่บางเกมอาจจะต้องมีการตั้งค่าที่แตกต่างไปจากสมาร์ตโฟนรุ่นสูง ๆ เนื่องจากไม่สามารถเลือกใช้กราฟิก หรือเฟรมเรตในระดับสูงได้ อย่างเช่น เกม ROV สามารถเลือกค่ากราฟิกสูงสุดได้ทุกหัวข้อ ยกเว้นการแสดงผลที่เลือกสูงสุดได้ที่ระดับ HD ในขณะที่เกม PUBG MOBILE ไม่สามารถเลือกใช้กราฟิกที่สูงกว่าระดับ HD ได้

 

รองรับฟีเจอร์ RAM Plus เพิ่มหน่วยความจำเสมือนได้สูงสุด 4GB

ในส่วนของหน่วยความจำ RAM ทั้ง 2 รุ่นมีขนาดเท่ากันที่ 4GB ซึ่งรองรับฟีเจอร์ RAM Plus ที่สามารถนำเอา ROM มาทำเป็น Virtual ROM เพิ่มได้อีกสูงสุด 4GB จึงเสมือนมี RAM รวมในระบบเป็น 8GB จึงรองรับการทำงานได้อย่างไหลลื่น รวมทั้งรองรับการเปิดแอปพลิเคชันแบบเบื้องหลังได้มากขึ้นด้วย

 

แบตเตอรี่ 5000 mAh ใช้งานอึดทนทั้งวัน พร้อมรองรับการชาร์จไว

อีกหนึ่งจุดขายของทั้ง Galaxy A14 และ Galaxy A14 5G ก็คือแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ถึง 5000 mAh ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องยาวนานโดยไม่ต้องชาร์จระหว่างวัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป, ดูหนัง, ฟังเพลง หรือเล่นเกม อีกทั้งยังรองรับระบบชาร์จไวด้วยกำลังไฟสูงสุด 15W ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้เป็นการชาร์จที่เร็วทันใจเสียทีเดียว แต่ก็ใช้เวลาในการชาร์จไม่นานนัก

 

รองรับการสแกนลายนิ้วที่ด้านข้างตัวเครื่อง

Galaxy A14 และ Galaxy A14 5G มาพร้อมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยอย่างเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่อยู่ตรงปุ่ม Power ด้านข้างตัวเครื่อง ซึ่งถ้าหากอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สะดวกในการสแกนนิ้ว ก็ยังมีระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition) สำหรับใช้ปลดล็อกตัวเครื่องแทนได้เช่นกัน

 

สรุปประสบการณ์หลังใช้งาน Samsung Galaxy A14 | A14 5G

หลังจากที่ได้มีโอกาสใช้งาน Galaxy A14 กับ Galaxy A14 5G มาพักใหญ่ ก็พบว่าทั้ง 2 รุ่นเป็นสมาร์ตโฟนระดับเริ่มต้นที่ตอบโจทย์ครอบคลุมการใช้งานทั่วไปได้เป็นอย่างดี และให้ความรู้สึกที่ครบเครื่องคุ้มค่ามากกว่าเดิม ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้โดดเด่นในเรื่องของหน้าจอแสดงผลที่มีขนาดใหญ่ถึง 6.6 นิ้ว กับความละเอียดคมชัดที่มากขึ้นเป็นระดับ FHD+, พื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายในตัวเครื่อง (ROM) ที่เยอะจุใจขึ้นเป็นขนาด 128GB, การประมวลผลที่รวดเร็วทันใจ, ฟีเจอร์ RAM Plus ที่สามารถเพิ่มหน่วยความจำเสมือนได้อีกสูงสุด 4GB รวมเป็น 8GB เพื่อให้รองรับการใช้งานแบบ Multitasking ได้อย่างลื่นไหล, กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล บนดีไซน์ใหม่แนวเดียวกับรุ่นเรือธง รวมทั้งกล้องหน้าที่มีความละเอียดมากขึ้นเป็นระดับ 13 ล้านพิกเซล เพื่อการถ่ายเซลฟี่ที่สวยคมชัดมากกว่าเดิม

ด้านรูปลักษณ์ภายนอกแม้ว่าทั้ง 2 รุ่นจะใช้ดีไซน์ใหม่แบบ All New Design เดียวกัน แต่ก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง โดยเฉพาะลวดลายที่ด้านหลัง และแน่นอนว่าการเลือก Galaxy A14 5G ก็จะได้ความครบเครื่องที่มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการรองรับอัตราการรีเฟรชที่ 90Hz, รองรับเครือข่าย 5G ,กล้อง Depth สำหรับการละลายฉากหลัง รวมถึงชิปเซ็ตประมวลผลที่มีประสิทธิภาพดีกว่า

แต่ถ้าหากท่านใดที่ไม่ได้เน้นเรื่องการใช้งานร่วมกับเครือข่าย 5G เป็นหลัก เช่นในกรณีที่พื้นที่ที่ใช้งานอยู่ยังไม่มีเครือข่าย 5G ก็ดูเหมือนว่า Galaxy A14 จะมีข้อได้เปรียบของตัวเองอยู่บ้าง โดยเฉพาะการที่รุ่นนี้มีกล้อง Ultra Wide ในขณะที่ Galaxy A14 5G จะเน้นถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ เพราะมีกล้อง Depth เข้ามาแทนที่ อีกทั้ง Galaxy A14 ยังมีราคาที่ถูกกว่า Galaxy A14 5G อยู่ 1,000 บาท ซึ่งสามารถนำส่วนต่างนี้ไปซื้ออุปกรณ์เสริมอื่น ๆ มาใช้งาน หรือนำไปใช้จ่ายอย่างอื่นแทนได้

ดังนั้นโดยสรุปแล้ว ทั้ง Galaxy A14 และ Galaxy A14 5G ต่างก็มีความคุ้มค่าคุ้มราคาไม่แพ้กัน มีการอัปเกรดให้ดีขึ้นจาก Galaxy A13 หลายจุด เพียงแต่จะมีข้อดีไปคนละแบบดังรายละเอียดข้างต้น ท่านใดที่สนใจก็ต้องพิจารณาเลือกซื้อตามการใช้งานของท่านเองว่าเหมาะกับรุ่นใดมากกว่ากันครับ

 

ราคา และโปรโมชันของ Samsung Galaxy A14 | A14 5G

สำหรับราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Samsung Galaxy A14 จะอยู่ที่ 5,999 บาท ส่วน Galaxy A14 5G จะอยู่ที่ 6,999 บาท มีให้เลือก 2 สีคือสีดำ (Black) และสีเงิน (Silver) ผู้ที่สนใจสามารถไปทดลองใช้งานกันได้ที่ Samsung Experience Store และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

 

สรุปจุดเด่น และคุณสมบัติของ Samsung Galaxy A14

– ดีไซน์ตัวเครื่องแบบมินิมอลตามสไตล์ของสมาร์ตโฟน Samsung ในปี 2023 (All New Design)
– กรอบตัวเครื่อง และด้านหลังตัวเครื่อง ผลิตจากวัสดุประเภทพลาสติก

——————————

– จอแสดงผลแบบ Infinity-V Display (PLS LCD) ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2408×1080 พิกเซล : 400 PPI)
– อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 60Hz
– อัตราส่วนแบบ 20:9 

——————————

– ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Exynos 850
– หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G52 MC2
– หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB พร้อมฟีเจอร์ RAM Plus สำหรับช่วยเพิ่มขนาดหน่วยความจำ RAM เสมือน (Virtual RAM) ได้สูงสุด 4GB
– หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) ขนาด 128GB (เหลือให้ใช้งานจริงประมาณ 105GB)
– รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้สูงสุดที่ขนาด 1TB
– แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh พร้อมระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 15W Fast Charging
– ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 พร้อมครอบทับด้วย One UI 5.1 

——————————

กล้องตัวหลักด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วย

– กล้อง Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f1.8 และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF
– กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2
– กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4

รวมทั้งรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 1080P FHD (1920×1080 พิกเซล : 30 fps)

กล้องด้านหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล

พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2 และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 1080P FHD (1920×1080 พิกเซล : 30 fps)

——————————

– เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง (Side Mounted Fingerprint Sensor)
– ระบบเสียงแบบ Dolby Atmos (ขณะเชื่อมต่อกับหูฟัง)
– เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 5, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดพร้อมกันภายในเครื่องเดียว (Dual SIM) ด้วยถาดแบบ Triple Slot
– เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.1 และ NFC
– ระบุตำแหน่ง และนำทางด้วยระบบดาวเทียม GPS+A-GPS, Glonass, BeiDou, Galileo และ QZSS
– พอร์ต USB Type-C (USB 2.0) 

สรุปคุณสมบัติโดยละเอียด (สเปก) และราคา ของ Samsung Galaxy A14

 

สรุปจุดเด่น และคุณสมบัติของ Samsung Galaxy A14 5G

– ดีไซน์ตัวเครื่องแบบมินิมอลตามสไตล์ของสมาร์ตโฟน Samsung ในปี 2023 (All New Design)
– กรอบตัวเครื่อง และด้านหลังตัวเครื่อง ผลิตจากวัสดุประเภทพลาสติก

——————————

– จอแสดงผลแบบ Infinity-V Display (PLS LCD) ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2408×1080 พิกเซล : 400 PPI)
– อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 90Hz
– อัตราส่วนแบบ 20:9 

——————————

– ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 700
– หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G57 MC2
– หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB พร้อมฟีเจอร์ RAM Plus สำหรับช่วยเพิ่มขนาดหน่วยความจำ RAM เสมือน (Virtual RAM) ได้สูงสุด 4GB
– หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) ขนาด 128GB
– รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้สูงสุดที่ขนาด 1TB
– แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh พร้อมระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 15W Fast Charging
– ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 พร้อมครอบทับด้วย One UI 5.1

——————————

กล้องตัวหลักด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วย

– กล้อง Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f1.8 และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF
– กล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4
– กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4 

รวมทั้งรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 1080P FHD (1920×1080 พิกเซล : 30 fps)

กล้องด้านหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล

พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2 และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 1080P FHD (1920×1080 พิกเซล : 30 fps)

——————————

– เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง (Side Mounted Fingerprint Sensor)
– ระบบเสียงแบบ Dolby Atmos (ขณะเชื่อมต่อกับหูฟัง)
– เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 5, 5G, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดพร้อมกันภายในเครื่องเดียว (Dual SIM) ด้วยถาดแบบ Triple Slot
– เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.1 และ NFC
– ระบุตำแหน่ง และนำทางด้วยระบบดาวเทียม GPS+A-GPS, Glonass, BeiDou, Galileo และ QZSS
– พอร์ต USB Type-C (USB 2.0)

สรุปคุณสมบัติโดยละเอียด (สเปก) และราคาของ Samsung Galaxy A14 5G

 

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy A14 | A14 5G

– ชุดกล้องด้านหลัง ไม่มีกรอบสี่เหลี่ยมมาป้องกันเหมือนกับรุ่นที่แล้ว ในขณะที่เลนส์กล้องมีลักษณะนูนขึ้นมา จึงต้องระวังเป็นพิเศษขณะวางตัวเครื่องลงบนโต๊ะ หรืออื่น ๆ
– Galaxy A14 ไม่มี Night Mode และไม่มีระบบกันสั่น EIS
– Galaxy A14 ไม่รองรับเครือข่าย 5G
– Galaxy A14 5G ไม่มีกล้อง Ultra Wide
– ระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 15W Fast Charging ถือว่าไม่เร็วมากนักเมื่อเทียบกับขนาดของแบตเตอรี่
– ตัวเครื่องไม่มีคุณสมบัติของการทนน้ำ-ทนฝุ่น
– ลำโพงเสียงเป็นแบบเดี่ยว

 

โปรดทราบ

โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางผู้ผลิต เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบ หรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *

 

 

วันที่ : 09/05/2023