เปิดตัว Infinix Note 30 Series สเปกจัดเต็ม จูนเสียงโดย JBL พร้อมชาร์จไวสูงสุด 68W ในราคาเริ่มต้นที่ 8,000 บาท

เปิดตัว Infinix Note 30 Series สเปกจัดเต็ม จูนเสียงโดย JBL พร้อมชาร์จไวสูงสุด 68W ในราคาเริ่มต้นที่ 8,000 บาท

 

Infinix เปิดตัวมือถือ Note 30 Series ประกอบด้วย Infinix Note 30 / Infinix Note 30 5G / Infinix Note 30 Pro โดยทั้งสามรุ่นยังคงมากับสเปกจัดเต็มตามสไตล์ของ Infinix และยังมีฟีเจอร์เด่นอย่างเทคโนโลยี All-round FastCharge ด้วย

 

Infinix Note 30

เริ่มกันที่รุ่นมาตรฐานอย่าง Infinix Note 30 ที่มากับหน้าจอ LCD 6.78 นิ้ว อัตรารีเฟรชภาพที่ 120Hz อัตราตอบสนองหน้าจอที่ 240Hz มีโมดูลกล้องหน้าฝังบนหน้าจอสำหรับรองรับกล้องหน้า

ในด้านประสิทธิภาพ Infinix Note 30 ใช้ชิป MediaTek Helio G99 คู่กับ RAM 8GB + ROM ตัวเลือกความจุ 2 ขนาด 128GB / 256GB สามารถใส่ microSD การ์ดเพิ่มได้ รันบนระบบปฏิบัติการ Android 13 รองรับการเชื่อมต่อแบบ NFC พร้อมช่องใส่หูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และลำโพงคู่ที่ได้ JBL มาช่วยจูนเสียงให้

ด้านการถ่ายภาพ Infinix Note 30 มากับกล้องหน้า 16 MP ส่วนด้านหลังเป็นชุดกล้องสามตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 64MP เซนเซอร์ OV64B มีขนาดรูรับแสงที่ f/1.7 + กล้องเสริม 2MP + กล้อง AI CAM

Infinix Note 30 มีแบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh ที่รองรับชาร์จไว 45W (9V/5A) สามารถชาร์จย้อนกลับได้ แถมทาง Infinix ยังอ้างว่าตัวแบตเตอรี่นั้นจะเสื่อมช้ากว่าแบตเตอรี่ในมือถือทั่วไป 25%

 

Infinix Note 30 5G

มาต่อกับพี่คนกลางอย่าง Infinix Note 30 5G ที่มีสเปกหน้าจอแบบเดียวกับรุ่นธรรมดา โดยเป็นหน้าจอ LCD 6.78 นิ้ว อัตรารีเฟรชภาพที่ 120Hz มีโมดูลกล้องหน้าฝังหน้าจอความละเอียด 16MP

ในส่วนของกล้องหลังนั้น Infinix Note 30 5G จะต่างกันกับรุ่นธรรมดาเล็กน้อยตรงที่ในรุ่นนี้จะเปลี่ยนเป็น กล้องหลัก 108MP เซนเซอร์ ISOCELL HM6 มีรูรับแสงขนาด f/1.75 + กล้องเสริม 2MP + กล้อง AI CAM แทน พร้อมลำโพงคู่ JBL เช่นเคย

ในด้านประสิทธิภาพ Infinix Note 30 5G จะใช้ชิป Mediatek Dimensity 6080 คู่กับตัวเลือก RAM ระหว่าง 4GB / 8GB + ROM ความจุสองตัวเลือกขนาด 128GB / 256GB  รันบนระบบปฏิบัติการ Android 13 รองรับการเชื่อมต่อแบบ NFC + FM Radio พร้อมช่องใส่หูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

 

Infinix Note 30 Pro

ปิดท้ายด้วยพี่ใหญ่อย่าง Infinix Note 30 Pro ที่ได้รับการอัปเกรดในหลาย ๆ ส่วน อาทิ หน้าจอ AMOLED 6.78 นิ้ว อัตรารีเฟรชภาพที่ 120Hz อัตราตอบสนองหน้าจอที่สูงถึง 360Hz ด้านหน้ามีโมดูลกล้องหน้าฝังหน้าจอสำหรับกล้องหน้า

ด้านฮาร์ดแวร์นั้น Infinix Note 30 Pro ได้รับการอัปเกรดเป็นกล้อง Selfie 32MP คู่กับไฟแฟลช LED ส่วนกล้องหลังจะเป็นแบบเดียวกับรุ่น Infinix Note 30 5G พร้อมลำโพง JBL คู่ โดยในรุ่น Pro นี้จะมากับระบบระบายความร้อนแบบ Vapor chamber อีกด้วย

ในด้านประสิทธิภาพ Infinix Note 30 Pro จะใช้ชิปเกมมิ่งสายประหยัดพลังงานอย่าง MediaTek Helio G99 คู่กับ RAM 8GB + ROM ความจุ 128GB / 256GB รันบนระบบปฏิบัติการ Android 13 รองรับการเชื่อมต่อแบบ NFC พร้อมช่องใส่หูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

เช่นเดียวกับรุ่นอื่น ๆ Infinix Note 30 Pro จะมีแบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh แต่จะรองรับชาร์จไวสูงสุด 68W แถมสามารถชาร์จย้อนกลับ / ชาร์จไร้สายได้ 

ทั้ง Infinix Note 30 / Infinix Note 30 5G จะมีตัวเลือกทั้งหมด 3 สีด้วยกัน ได้แก่ สีดำ (Magic Black) สีฟ้า (Interstellar Blue) และ สีส้ม (Sunset Gold) ส่วน Infinix Note 30 Pro จะมีตัวเลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ กับ สีทอง (Variable Gold) ที่จะเปลี่ยนสีสลับกันระหว่าง สีทอง กับ สีฟ้า ตามแสงที่ตกกระทบ โดยทั้ง 3 รุ่นจะยังไม่ได้ระบุราคาที่แน่นอน แต่ทาง Infinix ยืนยันว่าซีรีส์ดังกล่าวจะมีราคาเริ่มต้นที่ 230 ดอลล่าร์สหรัฐ (ประมาณ 8,000 บาท)

 

ที่มา : GSMArena

วันที่ : 24/5/2566