สรุป Apple Intelligence ฟีเจอร์ AI ใหม่ของ Apple ที่จะมาใน iOS 18 ทำอะไรได้บ้างไปดู

สรุป Apple Intelligence ฟีเจอร์ AI ใหม่ของ Apple ที่จะมาใน iOS 18 ทำอะไรได้บ้างไปดู

 

วันนี้ที่งาน WWDC ทาง Apple ได้ประกาศเปิดตัวระบบปัญญาประดิษฐ์ของตัวเองในชื่อ Apple Intelligence ซึ่งได้รับการออกแบบมาให้เข้ากับการทำงานบน iPhone, iPhone, iPad และ Mac โดยเฉพาะ โดยยังคงความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยของข้อมูลไว้อย่างเหนียวแน่นตามนโยบายของ Apple เตรียมอัปเดตให้ใช้กันในระบบปฏิบัติการ iOS 18, iPadOS 18 และ macOS Sequoia โดยมีฟีเจอร์เด่น ๆ ดังนี้ครับ

 

ตัวช่วยงานเขียนสำหรับแอป Mail, Notes, Pages และอื่น ๆ

  • Rewrite ปรับสำนวนของข้อความให้เหมาะสมกับโอกาส ไม่ว่าจะเป็นทางการ หรือไม่เป็นทางการ
  • Proofread ตรวจสอบคำผิด, ไวยากรณ์, ช่วยเลือกคำ ไปจนถึงโครงสร้างประโยค พร้อมแนะนำการแก้ไขให้เสร็จสรรพ
  • Summarize สรุปข้อความเป็นย่อหน้าเรียบ และหัวข้อสำคัญ ๆ ในรูปแบบตารางหรือรายการ
  • แอป Mail เพิ่มส่วนใหม่ที่ด้านบนของกล่องจดหมายที่เรียกว่า Priority Messages ซึ่งจะแสดงอีเมลที่มากับตารางนัดหมายที่เร่งด่วนที่สุด เช่น คำเชิญงานเลี้ยงในวันเดียวกัน หรือตั๋วเครื่องบิน ผู้ใช้สามารถดูสรุปข้อความได้โดยไม่ต้องเปิดเข้าไปดู
  • Smart Reply ใน Mail เสนอคำแนะนำสำหรับการตอบกลับอย่างรวดเร็ว ฟีเจอร์นี้ยังสามารถดึงคำถามในเนื้อหาอีเมลออกมาให้เราดูชัด ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างได้รับการตอบ
  • Priority Notifications นำการแจ้งเตือนที่สำคัญที่สุดขึ้นมาแสดงด้านบน  และสรุปการแจ้งเตือนยาว ๆ หรือที่เด้งขึ้นมาซ้อนกันรัว ๆ เช่นในกรณีที่แชทกลุ่มกำลังเคลื่อนไหวมาก ๆ 
  • Reduce Interruptions ในโหมด Focus แสดงเฉพาะการแจ้งเตือนที่อาจต้องการความสนใจทันที เช่น ข้อความเกี่ยวกับการรับจากสถานรับเลี้ยงเด็กก่อนกำหนด
  • ผู้ใช้สามารถบันทึกเสียงการโทร ถอดเทป และสรุปออกมาเป็นข้อความให้โดยอัตโนมัติบน Notes

 

Genmoji

สร้าง emoji แบบใหม่ เพียงแค่พิมพ์คำอธิบาย AI ก็จะสร้าง Genmoji ขึ้นมาให้ พร้อมกับตัวเลือกเพิ่มเติม ผู้ใช้ยังสามารถสร้าง Genmoji ของเพื่อนและครอบครัวได้จากภาพถ่าย ซึ่งสามารถเพิ่งลงในข้อความ หรือในที่อื่น ๆ ได้แบบ emoji เลย

 

ฟีเจอร์อื่น ๆ

  • Image Playground ช่วยให้นำเสนอไอเดียใหม่ ๆ จากหมวดหมู่ที่กำหนด เช่น ธีมเครื่องแต่งกาย, อุปกรณ์เสริม และสถานที่ เพื่อสร้างรูปภาพของตนเองสำหรับการแชร์ใน Messages, Notes, Keynote, Freeform, และ Pages รวมถึงแอป third-party ที่รองรับ API ของ Image Playground
  • ในแอป Photos สามารถใช้ภาษาธรรมชาติในการค้นหารูปภาพเฉพาะ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือพิมพ์ภาษาคนได้เลยโดยไม่ต้องเน้นคีย์เวิร์ด เช่น "มายาเล่นสเก็ตบอร์ดในเสื้อยืดมัดย้อม" หรือ "เคธีมีสติกเกอร์บนใบหน้า" นอกจากนี้ยังใช้ค้นหาช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจงในคลิปวิดีโอได้ด้วย
  • เครื่องมือ Clean Up สามารถระบุ และลบวัตถุที่รบกวนในพื้นหลังของรูปภาพได้โดยไม่เปลี่ยนแปลงตัวแบบ ทำนองเดียวกับ AI แก้ไขภาพของ Galaxy AI
  • สร้างความทรงจำ หรือ Memories ได้ง่าย ๆ เพียงแค่พิมพ์คำอธิบาย AI จะเลือกภาพและวิดีโอที่เหมาะที่สุดมาให้เอง พร้อมแนะนำเพลงประกอบที่เข้ากันจาก Apple Music 

ทั้งนี้ Apple ยืนยันว่าการทำงานทั้งหมดของ Apple Intelligence จะเป็นการทำงานบนอุปกรณ์ทั้งหมด (on-device) และจะไม่ถูกแชร์กับ Apple หรือใครก็ตาม

 

Siri

ด้วยความสามารถของ Apple Intelligence Siri จะเข้าใจภาษาที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น มีความเกี่ยวข้องกับบริบทมากขึ้น และมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ตัวอย่างเช่น Siri สามารถเข้าใจ และรอผู้ใช้ที่พูดติดขัดได้ และรักษาบริบทจากการร้องขอหนึ่งไปยังอีกการร้องขอได้ นอกจากนี้ ผู้ใช้สามารถพิมพ์เพื่อสื่อสารกับ Siri และสลับระหว่างข้อความและเสียงเพื่อสื่อสารกับ Siri ได้ตามต้องการ

Siri สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับวิธีการทำบางอย่างบน iPhone, iPad และ Mac โดยดูจากสิ่งปรากฎบนหน้าจอ และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ตัวอย่างเช่น หากเพื่อนส่งข้อความที่อยู่ใหม่ให้ผู้ใช้ใน Messages ผู้รับสามารถพูดว่า "เพิ่มที่อยู่นี้ในบัตรติดต่อ" และ Siri จะจัดการให้ทันที ฟีเจอร์ในลักษณะนี้จะขยายไปยังแอปของ Apple และแอป third-party อื่น ๆ ด้วย

Siri จะเรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้ และข้อมูลบนอุปกรณ์ ทำให้ผู้ใช้สั่งการได้อย่างเป็นธรรมชาติ เช่น ผู้ใช้สามารถพูดว่า "เล่นพอดแคสต์ที่เจมี่แนะนำ" และ Siri จะค้นหาและเล่นตอนนั้น โดยไม่ต้องถามต่อว่าให้อ้างอิงจากในข้อความหรืออีเมล หรือสามารถถามว่า "เที่ยวบินของแม่จะลงจอดเมื่อไหร่" และ Siri จะค้นหารายละเอียดเที่ยวบิน และอ้างอิงกับการติดตามเที่ยวบินแบบเรียลไทม์เพื่อให้เวลามาถึง โดยไม่ต้องถามหาแหล่งอ้างอิงใด ๆ จากผู้ใช้

Apple กล่าวว่าฟีเจอร์ AI จะทำงานบนอุปกรณ์เท่านั้น หากจำเป็นต้องใช้พลังการประมวลผลมากขึ้น มันจะส่งเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นในการดำเนินการตามคำขอไปยังเซิร์ฟเวอร์ Private Cloud Compute ของ Apple ซึ่งมีความปลอดภัยสูง 

เพื่อยืนยันความเป็นส่วนตัว Apple เปิดโอกาสให้ ผู้เชี่ยวชาญสามารถตรวจสอบโค้ดที่ทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ Apple Silicon และ Private Cloud Compute ได้ตลอด โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกเข้ารหัส และจะไม่ติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์อื่น

 

ChatGPT

Apple ได้ฝัง ChatGPT เข้ากับ iOS 18, iPadOS 18 และ macOS Sequoia ให้ผู้ใช้ได้ใช้งานโดยไม่ต้องสลับเครื่องมือไปมา เพื่อความเป็นส่วนตัว ผู้ใช้จะถูกถามก่อนที่จะส่งคำถามใด ๆ ไปยัง ChatGPT พร้อมกับเอกสารหรือรูปภาพใด ๆ และ Siri จะเป็นผู้แสดงผลลัพธ์แทน

นอกจากนี้ ChatGPT จะมีให้ใช้ในเครื่องมือการเขียนทั่วทั้งระบบของ Apple เพื่อช่วยผู้ใช้สร้างเนื้อหาสำหรับสิ่งที่พวกเขากำลังเขียน ตัวอย่างเช่น ด้วย Compose ผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงเครื่องมือภาพของ ChatGPT เพื่อสร้างภาพในหลากหลายสไตล์เพื่อเสริมสิ่งที่กำลังเขียนอยู่ได้

ChatGPT จะมาใน iOS 18, iPadOS 18 และ macOS Sequoia ภายในปีนี้ โดยเป็นเวอร์ชั่น GPT-4o ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้ฟรีโดยไม่ต้องสร้างบัญชี และผู้ที่จ่ายเงินแบบรายเดือนหรือรายปีให้ ChatGPT อยู่แล้วสามารถเชื่อมโยงบัญชีและเข้าถึงฟีเจอร์ที่ต้องชำระเงินได้โดยตรง

 

 

ที่มา : macrumors

วันที่ : 11/6/2567