ที่ผ่านมางาน CES มักจะมีเทคโนโลยีแปลก ๆ ใหม่ ๆ มาให้ว้าวกันทุกปีอยู่แล้ว และในปีนี้ก็เช่นกัน โดยในงาน CES 2024 ที่จัดขึ้นเมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตัว Rabbit R1 สมาร์ทโฟนที่ทำงานด้วย AI ล้วน ๆ ไม่มีแอปพลิเคชันอะไรทั้งสิ้น ฉีกนิยามความเป็นสมาร์ทโฟนที่เรารู้จักไปอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นที่ฮือฮาในวงการสมาร์ทโฟน และวงการ AI ในชั่วข้ามคืน
เปิดตัวออกมาฉีกแนวขนาดนี้ แน่นอนว่าทุกคนต้องสงสัยว่ามันทำงานอย่างไรกันแน่ แล้วมันจะเวิร์คจริง ๆ หรือเปล่า และในวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับ Rabbit R1 กันครับ
สารบัญ
Rabbit R1 คืออะไร?
Rabbit R1 เป็น AI Phone พันธุ์แท้รุ่นแรกของโลก ที่เกิดมาเพื่อเปลี่ยนนิยามการใช้สมาร์ทโฟนใหม่แบบพลิกฝ่ามือ จากที่ต้องใช้แอปพลิเคชันหลายตัวในการทำงานเฉพาะทาง เปลี่ยนมาเป็นการให้ AI ทำแทนทั้งหมด โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องแตะหน้าจอ ไม่ต้องติดตั้งแอปมากมายลงในเครื่อง ทุกอย่างทำได้ด้วยการสั่งการด้วยเสียงเท่านั้น
หากพูดถึง AI เรามักจะนึกถึงโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model) ที่ใช้ในการฝึกปัญญาประดิษฐ์ แต่ AI ของ Rabbit R1 จะแตกต่างออกไป โดยใช้ Large Action Model ในการฝึกแทน ซึ่งเน้นเรียนรู้การกระทำ ทำให้เข้าใจวิธีการที่คนเราใช้แอปต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น การเพิ่มเพลงเข้าเพลย์ลิสต์ Spotify และยังสามารถรับคำสั่งที่ซับซ้อน และทำงานหลายอย่างในคราวเดียวได้ เช่น จองตั๋วเครื่องบินจากแอปหนึ่ง พร้อมกับจองโรงแรมในอีกแอปหนึ่งได้ด้วยการสั่งเพียงครั้งเดียว เป็นต้น
หลักการทำงานคร่าว ๆ ของ LAM โดย Rabbit
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสอน Rabbit R1 ให้ทำงานใหม่ ๆ ได้โดยตรงผ่านโหมดสอน หรือ Teach Mode เพียงอัปโหลดวิดีโอการใข้งานแอปขึ้นระบบ Cloud เจ้า Rabbit R1 จะทำการวิเคราะห์ และเรียนรู้วิธีการใช้งานเอง เปิดโอกาสให้เจ้ากระต่ายตัวนี้เรียนรู้การทำงานได้อย่างไม่จำกัด
Rabbit R1 ใช้ยังไง?
Rabbit R1 มีหน้าตาที่ไม่เหมือนสมาร์ทโฟนทั่วไป โดยมาในรูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส, มีหน้าจอขนาดเล็ก, กล้องหมุนได้ 360 องศา, ลูกกลิ้งล้อสำหรับควบคุม, ไมโครโฟน 2 ตัว และปุ่มสั่งการด้วยเสียงด้านข้าง ดู ๆ ไปแล้วก็คล้ายกับสมาร์ทโฟนจอพับทรง Flip เวอร์ชั่นที่กางจอไม่ได้ยังไงยังงั้น
การใช้งาน Rabbit R1 นั้นง่ายมาก เพียงกดปุ่มด้านข้างตัวเครื่อง แล้วบอกสิ่งที่อยากให้ทำ Rabbit R1 จะทำงานตามที่สั่งให้โดยอัตโนมัติผ่านแอปที่เชื่อมกับ Rabbit OS เช่น YouTube Music, Amazon, Doordash, หรือ Uber เป็นต้น เราสามารถสั่งให้เจ้ากระต่ายเปิดเพลง, สั่งอาหาร, จองตั๋วเครื่องบิน, จองโรงแรม หรือจะทำทั้งหมดที่ว่ามานี้พร้อมกันเลยก็ได้ด้วยการสั่งเพียงครั้งเดียว การทำงานทุกอย่างจะอยู่บนระบบ Cloud ซึ่งทาง Rabbit การันตีว่ามีความรวดเร็วในระดับที่น่าพึงพอใจ และยังสามารถจดจำการทำงานในรูปแบบเดิม ๆ ได้ ช่วยให้การใช้งานครั้งต่อไปเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชั่นค้นหาด้วยรูปภาพจากกล้อง
ส่วนเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ Rabbit ก็ยังให้ความสำคัญอยู่ โดยกล่าวในงานเปิดตัวว่า Rabbit R1 จะฟังเสียงเมื่อเรากดปุ่มด้านข้างเท่านั้น และกล้องจะถูกล็อคเมื่อไม่ได้ใช้งาน
Rabbit R1 ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Rabbit OS ซึ่งจากที่เห็นในงานเปิดตัว ดูจะเป็นระบบที่ minimal มาก ๆ บนหน้าจอแทบจะไม่มี UI ใด ๆ มีแค่กราฟิกกระต่าย และพื้นหลังสีดำสนิท อย่างไรก็ตาม เรายังสามารถใช้กล้องเพื่อค้นหาจากรูปภาพได้ เบื้องต้น OS รองรับภาษาอังกฤษ และจะเพิ่มภาษาอื่น ๆ เข้ามาอีกในอนาคต อย่างภาษาฝรั่งเศส, เยอรมัน, ฮินดี, ญี่ปุ่น และสเปน
ด้วยความที่ Rabbit R1 ทำงานทุกอย่างบนระบบ Cloud จึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสเปกภายในที่หวือหวา โดยใช้แค่ชิปเซ็ต MediaTek Helio P35, RAM 4GB, หน่วยความจำ 128GB, แบตเตอรี่ขนาด 1000 mAh, กล้องความละเอียด 8MP และหน้าจอขนาด 2.88 นิ้ว โดยรองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 4G นอกจากนี้ยังมีราคาที่เข้าถึงไม่ยาก เพียงแค่ $200 หรือราว 7,000 บาทเท่านั้นเอง
Rabbit R1 จะเวิร์คจริงหรือ?
ถึงแม้ว่า Rabbit R1 จะมากับคอนเซ็ปต์การใช้งานสุดล้ำ แต่ก็ยังมีคำถามมากมายตามมา อย่างแรกคือการแสดงผลของ UI ที่จำกัดขนาดนี้ จะสามารถใช้งานเพื่อแต่งรูป หรืองานเชิงกราฟิกอื่น ๆ ได้หรือไม่ หรือถ้าผู้ใช้ต้องการเล่นเกมจะทำได้หรือไม่ ถ้าเล่นได้จะเป็นไปในลักษณะใด เราต้องเล่นเอง หรือ AI เล่นให้ ขณะเดียวกัน ถ้าทุกอย่างทำงานบน Cloud แล้วการใช้งานแบบ offline จะเป็นอย่างไร และที่สำคัญ การใช้งาน Rabbit R1 ต้องสั่งการด้วยเสียงเท่านั้น หากผู้ใช้เป็นผู้พิการ หรือมีปัญหาด้านการออกเสียง จะสามารถใช้งานได้หรือไม่ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ต้องมารอดูกันหลังจากที่ Rabbit R1 ถึงมือลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้าในเดือนมีนาคมนี้ครับ
ที่มา : rabbit, AndroidPolice
วันที่ : 16/2/2567
